“อิมเมจ” สาวหมวยเสียงมหัศจรรย์ กับเส้นทางชีวิตที่เปลี่ยนไป

0
3271

หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันดี กับสาวน้อยเสียงมหัศจรรย์ ดีกรีรองแชมป์จากเวทีประกวดเดอะวอยซ์ซีซั่น 3 ที่ทั้งหน้าตาน่ารัก รอยยิ้มสดใส แถมยังร้องเพลงได้ไพเราะจับใจ แบบนี้ใครบ้างจะไม่หลงรัก ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง “อิมเมจ” – สุธิตา ชนะชัยสุวรรณ สาวตาเล็ก รอยยิ้มพิมพ์ใจ ที่ขณะนี้มีแฟนคลับติดตามผลงานเธอมากมาย มาดูกันว่ากว่าเธอจะมีวันนี้ เส้นทางชีวิตผ่านอะไรมาบ้าง

ก่อนจะมาเป็น “อิมเมจ” เดอะวอยซ์
ก่อนจะมาประกวดก็เคยร้องเพลง cover ลง Soundcloudmusic (เว็บไซต์ฝากไฟล์เสียง) จะเป็นการอัดเสียงลงเวลาว่างๆ แต่ไม่ได้ถ่ายเป็นวีดีโอ พอหลังจากประกวดเดอะวอยซ์จบก็มีแฟนคลับเอามาทำเป็นคลิปและลง Youtube ให้เรา คือชอบฟังเพลง ร้องเพลงเล่นดนตรี อย่างเปียโน กีต้าร์และอูคูเลเล่ เป็นตัวแทนร้องเพลงที่โรงเรียน เช่น วันแม่ วันสำคัญอยู่บ้าง เคยได้รางวัลชนะเลิศการแข่งขันทักษะวิชาชีพในกลุ่มประเทศอาเซียน ประเภทร้องเพลงป๊อปสากล อายุไม่เกิน 13 ปี จากนั้นในปี 2013 ได้ใบประกาศนียบัตรจากการประกวดร้องเพลงของโรงเรียนสองภาษา ระดับภาคกลางและตะวันออก และจึงได้มีโอกาสไปประกวดรายการเดอะวอยซ์ซีซั่น3 เพราะชอบรายการเดอะวอยซ์อยู่แล้วพออายุถึงก็ตัดสินใจลงประกวด

ความรู้สึกในวันที่ไปประกวดรายการเดอะวอยซ์
ตื่นเต้นค่ะ ตอนที่โค้ชกดเลือกเรา ตอนแรกยังตื่นเต้นไม่ออกเพราะยังร้องไม่จบเพลง ตอนแรกเรานึกว่าเสียงกดจะเหมือนตอนออกอากาศ แต่จริงๆ ไม่มีตอนนั้นหลับตาร้องแต่พอลืมตาขึ้นมา โค้ชก็หันกันมาแล้ว มีพี่แสตมป์ พี่โจอี้ และพี่คิ้ม ตื่นเต้นมาก ตัดสินใจเลือกพี่แสตมป์เพราะเลือกมาจากบ้านอยู่แล้ว ชอบพี่เขามาก ซึ่งได้รู้จักพี่แสตมป์จากเพลงความคิด ก็ติดตามผลงานมาตลอด

สิ่งที่ได้รับจากการประกวดรายการเดอะวอยซ์
ได้ประสบการณ์เยอะมาก คือเปลี่ยนมุมมองไปเลย เราได้เข้ามาเห็นวงการเพลงจริงๆ เจอนักดนตรีจริงๆ เจอโปรดิวเซอร์ เป็นอะไรที่สนุกมาก ทำงานเหมือนไม่ได้ทำงานเลย เขาก็จะมีการแนะนำ ไม่ได้บังคับเราแต่จะดึงจุดเด่นของแต่ละคนออกมา ให้เราร้องแบบต้องเข้าใจเพลง ร้องในสไตล์ของตัวเอง แต่พยายามให้เพิ่มอารมณ์ ให้เพิ่มไดนามิค เหมือนเราได้เรียนรู้จากการทำงานมากกว่าเรียนทั่วไป

ความเปลี่ยนแปลงในชีวิตหลังจากจบรายการ
ได้เข้ามาทำงานในวงการ คือไม่เคยอยู่มาก่อนเลยไม่รู้ว่าแบบไหนงานเยอะหรือน้อย แต่ส่วนตัวก็คิดว่าเยอะนะชอบงานตรงนี้อยู่แล้ว ชอบการร้องเพลง ต้องเรียนด้วย แต่แบ่งเวลาเรียนกับทำงานให้ไม่ชนกัน อย่างช่วงเปิดเทอม จะรับงานน้อยลงและรับงานหลังเลิกเรียนหรือเสาร์อาทิตย์มากกว่า ส่วนช่วงใกล้สอบก็ลดงานลง จะเอางานที่เบาๆ มากกว่า แต่อย่างไรก็ตามต้องไม่โดดเรียน

ตอนที่พลิกบทบาทมาเล่นละครเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ตื่นเต้นค่ะ เล่นละครครั้งแรก เป็นละครเรื่องสงครามเพลงของทางช่อง 3 ก่อนไปแสดงก็ได้มีการฝึกฝนเพิ่มขึ้นอีก มีการไปเวิร์กช็อปละคร เปิดกล้องไปบ้างแล้วหลายคิว ตอนแรกๆ ที่ได้แสดงยังไม่ค่อยชิน คือไม่รู้ต้องมองไปกล้องไหนหรือไม่มองกล้องเพราะกล้องมันเยอะมาก ซึ่งการแสดงเป็นเรื่องยากมาก ยากกว่าร้องเพลงเยอะมาก

ความฝันสูงสุด
เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ นะคะ อย่างตอนแรกแค่อยากทำเพลงเอง แต่งเพลงเอง อะไรที่ได้ลงมือทำเองก็คงจะรู้สึกดีมากๆ อยากออกอัลบั้มเป็นของตัวเองแต่ต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มอีก ก็อยากเปิดคอนเสิร์ตเป็นของตัวเองแบบไม่ต้องใหญ่ก็ได้ แต่ใหญ่ก็ดีนะ (หัวเราะ) แบบขายบัตรหมดเลย ถ้านอกจากร้องเพลงแล้วก็อยากเป็นดีเจคลื่นวิทยุ คือไม่ได้ร้องเพลงได้เปิดเพลงก็ยังดี ไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับเพลงเลย

สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้มีอิมเมจในวันนี้
คงจะเป็นครอบครัว เพื่อนๆ คนรอบข้าง วงการเพลง อะไรก็ตามที่หลอมรวมให้เราเป็นแบบนี้และมาจนถึงทุกวันนี้ได้มีแรงบันดาลใจมาจากศิลปินที่เราชอบด้วยคือ เทเลอร์ สวิฟต์ เห็นเขาเล่นกีต้าร์ก็อยากฝึกเล่นกีต้าร์ เขาแต่งเพลงเองก็อยากแต่งเพลงบ้าง อยากเป็นเหมือนเขา เป็นแรงบันดาลใจที่ใหญ่สุดเลยด้วยในการร้องเพลง และคุณพ่อคุณแม่มีส่วนสำคัญมากส่งเสริมอย่างเต็มที่เพราะท่านก็ค่อนข้างทันสมัยคอยช่วยเหลือและสนับสนุนเราทุกอย่าง จัดการให้ในทุกๆ เรื่อง ต้องขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามและสนับสนุน ขอบคุณที่ชอบกันแค่มาฟังเพลงก็ดีใจมากแล้ว

จากสาวน้อยธรรมดาที่ชอบร้องเพลง วันนี้ “อิมเมจ” – สุธิตา ชนะชัยสุวรรณ ได้ยกระดับความชอบให้กลายเป็นความฝัน และลงมือทำฝึกฝนจนเก่ง ทำให้สามารถพาตัวเองไปสู่จุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จได้ แถมยังไม่ย้ำอยู่กับที่ เธอยังคงเติมเชื้อไฟแห่งฝันก้าวเดินต่อไป นับเป็นหนึ่งบุคคลที่เส้นทางชีวิตควรค่าแก่การเอาเป็นแบบอย่าง

บทความโดย นักศึกษาสาขาวารสารศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ DPU