ชราแลนด์ ดินแดนวันเดอร์เวิลด์

0
650

ขอเชิญร่วมชมนิทรรศการ ชราแลนด์ ดินแดนวันเดอร์เวิลด์ โดยมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม 2560 เวลา 9.30 น.เป็นต้นไป ณ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซอยงามดูพลี   นิทรรศการสุดสร้างสรรค์เพื่อให้เด็กเข้าใจผู้สูงอายุ จัดเต็มทั้งสาระและความบันเทิง พร้อมพบกับครอบครัว “น้องคนดี” ลูกสาวคุณแม่ “แวร์ โซว”  แล้วมาร่วม “เข้าใจผู้สูงวัย และอยู่ร่วมกับท่านได้อย่างมีความสุข” ร่วมกัน  สอบถามข้อมูลโทร. 0 2713  3690 ต่อ 105

ภาพโดย อาจารย์กอบกิจ ประดิษฐผลพานิช คณบดี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

*******************************************************************

รู้หรือไม่?
ในอีก 4 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์กล่าวคือ มีผู้สูงอายุร้อยละ 20
หรือหมายความว่าถ้ามองไปรอบตัวคุณจะพบผู้สูงอายุ 1 ใน 5 ของประชากร

“ผจญภัยไปกับ 4 ด่าน ในชราแลนด์”

1.ภารกิจพิชิตความชรา
เหล่าอัศวินสวมบทบาทสมมติจำลองสภาวะการเป็นผู้สูงอายุ เพื่อรู้จักและเข้าใจความยากลำบากของผู้สูงอายุในการทำกิจวัตรแต่ละวัน

2.ฮีโร่แห่งชราแลนด์
ดินแดนวันเดอร์เวิลด์แห่งนี้มีฮีโร่ที่เป็นแบบอย่าง สะท้อนความสัมพันธ์อันดีที่เกิดขึ้นได้กับทุกครอบครัว

3.โรงเรียนฝึกอัศวิน
ในหนึ่งวันที่ต้องอยู่ร่วมกับฮีโร่ มีเรื่องสนุกมากมายให้ทำด้วยกัน หรือถ้ามีอะไรที่สนุกกว่า ลองมาแชร์กันมั้ย

4.วิธีดูแลฮีโร่
คัมภีร์พิทักษ์ฮีโร่ เปิดเคล็ดลับสุดยอดวิธี 4 ด้านนำไปใช้ดูแลฮีโร่
ด้านสุขภาพ: กินถูกหลักโภชนาการ ออกกำลังกายเหมาะสม หลีกเลี่ยงบุหรี่ แอลกอฮอล์
ด้านเศรษฐกิจ: วางแผนการใช้จ่ายให้พอเพียง เริ่มออมตั้งแต่วัยเด็ก
ด้านสังคม: เปิดโอกาส สร้างการมีส่วนร่วมในครอบครัว สังคม และชุมชนให้กับผู้สูงอายุ
ด้านสภาพแวดล้อม: จัดบ้าน ห้องพัก ให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ

จัดแสดงนิทรรศการตั้งแต่ 
วันนี้ – 31 สิงหาคม 2560
ณ โซนนิทรรศการหมุนเวียน ชั้น 2 อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ
99/8 ซอยงามดูพลี สาทร กรุงเทพฯ
อังคาร – เสาร์  (10.00 – 17.00 น.)
ปิดวันอาทิตย์ วันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

สอบถามรายละเอียดการเข้าชมนิทรรศการหมุนเวียนได้ที่ 
E-mail : [email protected]
Tel. : 061-8428778 / 02-343-1500 ต่อ 2
Line ID : ThaiHealthExhibition

———————-

ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ประเทศไทยก็จะเข้าสู่สังคมของผู้สูงอายุอย่างแท้จริง การเตรียมความพร้อมรับมือในด้านต่างๆ ทุกมิติจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการส่งเสริมให้ความรู้ ความเข้าใจ และปรับทัศนคติที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชน เพื่อวางรากฐานให้พวกเขารับมือกับสถานการณ์ที่กำลังเข้ามา และสามารถดูแลคุณพ่อคุณแม่เมื่อเกษียณอายุ รวมถึงคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย ที่อาศัยอยู่ในบ้านให้มีความสุขด้วย

ด้วยเหตุนี้ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้เปิดตัวนิทรรศการ “ชราแลนด์ ดินแดนวันเดอร์เวิลด์” เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้แก่เด็กและเยาวชนเกี่ยวกับผู้สูงอายุในประเทศไทย ตลอดจนเตรียมความพร้อมสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2564

นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. กล่าวว่า ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะมีภารกิจในการเสริมสร้างความเข้าใจความรู้สุขภาวะให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยในปี 2560 สสส.ได้เน้นการสร้างเสริมสุขภาพให้แก่กลุ่มประชากรทุกช่วงวัยตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข โดยผู้สูงอายุเป็นประเด็นหนึ่งที่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ในครั้งนี้ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ร่วมกับสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. พัฒนานิทรรศการหมุนเวียนเรื่อง “ชราแลนด์ ดินแดนวันเดอร์เวิลด์” บริเวณชั้น 2 อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 31 สิงหาคม 2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีความรู้ ทัศนคติ สัมพันธภาพที่ดี และความเข้าใจอันดีต่อผู้สูงอายุ

ทั้งนี้ จะมีการเปิดโอกาสให้ได้ทดลองตรวจสอบสภาพร่างกายในส่วนต่างๆ คล้ายผู้สูงอายุ เช่น การมองเห็นที่เลือนราง การได้ยินที่ได้ยินไม่ชัดเจน และได้ต่อยอดนิทรรศการและสื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมสู่สังคมผู้สูงวัยสำหรับกลุ่มคนวัยทำงาน ในรูปแบบของนิทรรศการสัญจรเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมก่อนวัยเกษียณ ภายใต้แนวคิด “โชคชะตาหรือจะสู้เรากำหนด” ในช่วงเดือนพฤษภาคม-ธันวาคม 2560 และมีการจัดทำหนังสือการเตรียมความพร้อมก่อนเกษียณ เรื่อง “พร้อมสุขก่อนเกษียณ (Aging Happily)” และหนังสือสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุ เรื่อง “ดูแลผู้สูงอายุ สร้างสุขในครอบครัว” ในเร็วๆ นี้

พญ.ลัดดา ดำริการเลิศ เลขาธิการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) กล่าวว่า จำนวนผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปในประเทศไทย ในปี 2558 มีจำนวน 11 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 16 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าในปี 2564 จะมีประชากรสูงอายุมากถึง 13 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด ทำให้ประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society)

การเปลี่ยนแปลงทางประชากรสู่สังคมสูงวัยเป็นปัญหาที่สังคมไทยต้องตระหนัก โดยเฉพาะอัตราส่วนประชากรวัยทำงานต่อประชากรวัยสูงอายุ 1 คน ลดลงเรื่อยๆ โดยอีกไม่เกิน 15 ปี ประชากรไทยจะเริ่มเข้าสู่รูปแบบที่วัยแรงงานต้องรับภาระการเลี้ยงดูกลุ่มประชากรผู้สูงอายุมากขึ้นเรื่อยๆ จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนประชากรวัยทำงานประมาณ 4.5 คนต่อการดูแลผู้สูงอายุ 1 คน (4:1) เป็นสัดส่วนประชากรวัยทำงานประมาณ 2 คนต่อการดูแลผู้สูงอายุ 1 คน (2:1) ทำให้ครอบครัวจะต้องประสบกับปัญหาความเครียดจากภาระค่าครองชีพ และภาวะหน้าที่ที่ต้องดูแลคนในครอบครัวที่เพิ่มขึ้น

“สังคมควรให้ความสำคัญแก่การเตรียมความพร้อมในการรองรับผู้สูงอายุ เนื่องจากสภาพร่างกายของผู้สูงอายุที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ ประกอบกับโรคข้ออักเสบ/ข้อเสื่อม โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคอ้วน ส่งผลต่อความยากลำบากในดำเนินชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ การขึ้น-ลงบันได หรือการเคลื่อนไหวที่ไม่คล่องตัว เป็นปัจจัยให้เกิดการหกล้มในผู้สูงอายุ”

“ดังนั้นการปรับที่อยู่อาศัยภายในบ้านและบริเวณนอกบ้าน รวมถึงชุมชนและที่สาธารณะให้เอื้อต่อวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปจึงเป็นเรื่องสำคัญ เช่น การปรับห้องน้ำและห้องนอนให้มีราวยึดเกาะ การปรับโถส้วมแบบนั่งห้อยเท้า หรือห้องนอนที่ควรอยู่ชั้นล่างของตัวบ้าน ประตูที่กว้างพอสำหรับรถเข็น ก๊อกน้ำแบบก้านโยกที่สะดวกต่อการใช้งานของผู้สูงอายุ” พญ.ลัดดากล่าว

นางสาวณิชาภา แซ่โซว หรือ “แวร์ โซว” นักแสดงสาวสวยตัวแทนครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ กล่าวว่า การดูแลผู้สูงอายุไม่ได้เป็นเพียงการดูแลด้านสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่การให้ความรัก ความอบอุ่นภายในครอบครัวของทุกช่วงวัยก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น การแสดงความรักโดยการกอด หรือการทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว ก็ส่งผลต่อจิตใจของผู้สูงอายุได้ เพราะสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปย่อมส่งผลต่ออารมณ์และจิตใจของผู้สูงอายุทั้งสิ้น โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันที่ครอบครัวส่วนใหญ่ทิ้งให้ผู้สูงอายุอยู่เพียงลำพัง เพราะตนเองต้องออกไปทำงาน ยิ่งทำให้จิตใจของผู้สูงอายุถดถอย การได้กลับไปใช้เวลาร่วมกันจึงเป็นสิ่งที่ทุกครอบครัวควรทำ ยิ่งตอนตัวเองมีลูก (น้องคนดี) เราต้องทำเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กสมัยนี้รู้จักดูแลผู้สูงอายุ เช่น การเปิดประตูรถให้ พาคุณยายไปหาหมอ การตักกับข้าวให้คุณยายก่อน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ช่วยหล่อหลอมความสัมพันธ์ในครอบครัว

“สังเกตได้จากคุณยายมีอารมณ์ที่แจ่มใสมากขึ้น และมีปฏิสัมพันธ์ภายในครอบครัวมากขึ้น อย่างเวลาที่คุณยายได้อยู่กับหลาน คุณยายมักเล่าเรื่องคุณแม่ตอนเด็กๆ ให้หลานฟัง ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อความสัมพันธ์ระหว่างวัยได้เป็นอย่างดี” นักแสดงสาวสวย ตัวแทนครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ กล่าวปิดท้าย

หากเด็กและเยาวชนได้รับการปลูกฝังและเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุตั้งแต่วันนี้ ก็เชื่อว่าจะรับมือสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุได้อย่างแน่นอน.