อยากเก่งธุรกิจจีนต้องคิดอย่าง “วรมน” – กูรู Digital Business จีน

0
462
วรมน ดำรงศิลป์สกุล ผู้เขียนหนังสือ “เหินห่าว Business – อยากเก่งธุรกิจต้องคิดอย่างจีน”

กว่าทศวรรษที่ผู้หญิงเก่งคนนี้ศึกษาคลุกคลีและเข้าใจจีนไม่ใช่แค่รู้จักเมืองจีนแต่ต้องรู้จักทั้งอาณาจักรของจีนและด้วยความที่เป็นคนไอทีเป็นทุนเดิมการเดินเข้าสู่โลกแห่งดิจิทัลจีนที่เต็มไปด้วยธุรกิจเชิงสร้างสรรค์จำนวนมากจึงกลมกลืนไปด้วยดี

หลายทศวรรษที่เธอเฝ้ามองจีนเปลี่ยนจากประเทศยากจน พลิกฟื้นขึ้นเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ทั้งโลกต้องจับตามอง เธอแปรรูปข้อมูล ประสบการณ์ และความรู้เหล่านี้เป็นบทความ คอลัมน์ ทั้งในสื่อกระดาษและออนไลน์มาโดยตลอด จนกระทั่งมีการรวมเล่มเป็นหนังสือขายดี

ณขณะนี้เธอมีผลงานถึง 3 เล่มแล้ว และให้เกียรติกับทีมงานรายการ On View ของช่อง China Face ที่ออกอากาศทาง YouTube มาเล่าเรื่องราวของหนังสือที่ใช้ชื่อว่าเหินห่าว Business – อยากเก่งธุรกิจต้องคิดอย่างจีนมาทำความรู้จักสาวเท่และเนื้อหาของหนังสือที่เธอตั้งใจรังสรรค์สู่สาธารณชนในยุคดิจิทัลกัน

#อยากให้ช่วยแนะนำตัวเองรวมถึงหนังสือ

วรมน  ดำรงศิลป์สกุล  ชื่อเล่น มน หรือชื่อในวงการ คือ มนซ่า เล่มนี้ถือเป็นเล่มที่ 2 เขียนเกี่ยวกับจีน แต่จริงๆ แล้วถ้าเขียนกับมติชนถือว่าเป็นเล่มที่ 3 เพราะว่าเล่มแรกเป็นเรื่อง Startup Ideas ไม่เริ่มคิดใหม่ ก็เดินได้ไกลเท่าเดิม ส่วนเล่มที่ 2 เจาะในเรื่องมาร์เก็ตติ้งที่มนค่อนข้างสนใจอยู่แล้ว  คือ หาวห่าว Marketing การตลาดจีนยุคใหม่ที่คุณต้องร้องโอ้โห! และเล่มที่ เหินห่าว Business อยากเก่งธุรกิจต้องคิดอย่างจีน 3 เน้นธุรกิจจีนแนวใหม่ที่ไทยเรายังไม่มี

เริ่มจากตัดสินใจให้เวลาตัวเอง 2 ปี พิชิตภาษาจีนธุรกิจที่ไต้หวัน ที่จริงต้องเรียน 1 ปี 9 เดือน แต่ภาษาจีนที่เราตั้งไว้ถึงเป้าแล้ว ก็เลยลองไปสอบที่เมืองจีน ผลสรุปสอบผ่าน คิดว่าตัวเองพูดได้และเข้าใจ เรื่องการคุยธุรกิจก็ไม่มีปัญหา ก็เลยกลับมาที่เมืองไทย พูดง่ายๆ ว่าใช้เวลา 10 กว่าปี ในการทำความรู้จักกับจีน

#ช่วยเล่าเรื่องเนื้อหาหนังสือเหินห่าว Business อยากเก่งธุรกิจต้องคิดอย่างจีน” 

ธุรกิจสตาร์ทอัพ  จะมีอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือ ทำจนเติบใหญ่สามารถระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์เอาเงินจากประชาชนทั่วไปได้  กับแบบที่สองคือ ขายให้คนอื่น บริษัทนี้ก็ได้เข้าไปอยู่ในการระดมทุน ผู้ก่อตั้งยังหนุ่มอายุยังไม่ถึง 30 ปี  ได้เงินมาเป็นร้อยล้านพันล้านควรทำอย่างไรดี สปิริตนักสู้ของคนจีนที่ชอบทำธุรกิจ ต้องมองว่าเราน่าจะลองทำธุรกิจใหม่ การเริ่มทำธุรกิจของเขาก็คล้ายกับตำราที่เราเรียนกันมาว่า การทำธุรกิจเริ่มจากการหาปัญหาที่แท้จริง  หาปัญหาที่คิดว่าเป็นปัญหาจริงๆ ที่ไม่ใช่เฟคขึ้นมาเอง

#คนที่หยิบหนังสือเหินห่าวบิซิเนสมาจะได้อะไรนอกจากโมเดลธุรกิจใหม่ๆ

หนังสือเล่มนี้นอกจากการรู้ว่าคนจีนมีวิธีคิดแบบไหนแล้ว ประสบการณ์ของตัวเองที่ใช้และการเข้าไปทำความรู้จัก ความเข้าใจกับเมืองจีน มองว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดให้กับนักอ่านที่สนใจว่า โลกในวันข้างหน้าที่เป็นของจีน ที่จะมีจีนเป็นผู้นำ เราจะปรับตัวเองให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ วิธีคิดหรือการทำธุรกิจกับคนจีนได้อย่างไร

คลิกชมรายการ On View ep.11 วรมน ดำรงศิลป์สกุลกูรู Digital Business จีน

#ไม่ว่าจีนจะคิดอะไรก็กลายเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพทั้งหมด 

หลักการพื้นฐานที่เปลี่ยนธุรกิจออฟไลน์มาเป็นธุรกิจดิจิทัล  ทำไมคนจีนทุกคนจึงพร้อมใจกันปรับธุรกิจของตนเองให้ถึงยุคของดิจิตอล  เหมือนเมืองไทยที่มีการจัดตั้ง “Thailand 4.0” เพื่อผลักดันธุรกิจทุกแวดวงใช้ดิจิทัลเข้าไปเป็นสื่อหนึ่ง เพราะสาเหตุหลักของความเป็นดิจิทัลทำให้ประหยัดคน ประหยัดเวลาในทุกๆ ด้าน ก็เลยทำให้เมืองจีนโดยเฉพาะเมืองที่มีประชากรมาก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจไหนที่อยู่กับคนมากๆ จะเสียเวลาอยู่แล้ว เขาเลยคิดว่าอะไรก็ตามที่ทำให้ลดทุน ลดคน ลดเงิน จีนจะเลือกใช้ เป็นพื้นฐานให้ทุกธุรกิจตั้งใจหันมาใช้เทคโนโลยี

นอกเหนือจากนั้นทางรัฐบาลก็เช่นกัน ไทยมี “Thailand 4.0” เขาก็มีนโยบาย “Made in China 2025”  จะมีความแตกต่างอย่างเป็นนัยสำคัญกับ Thailand 4.0 เพราะ Made in China 2025 ตั้งเกณฑ์ว่าตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ  ธุรกิจที่มีเทคโนโลยีเป็นแรงขับเคลื่อนจะถูกสร้างสรรค์และพัฒนาเศษต่อยอดเพื่อคนจีนทั้งหมด 

#ทำไมใครๆ ก็สามารถเป็นสตาร์ทอัพครีเอเตอร์ได้

ทุกคนรู้แล้วว่าโลกเราในวันข้างหน้าคือโลกแห่งดิจิทัลคุณจะหยุดอยู่ที่เดิมไม่ได้ทุกธุรกิจต้องปรับตัวนำเอาเข้าเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อให้ตัวเองลดต้นทุนลดคนลดทุกๆอย่างให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเต็มที่

ระบบนิเวศของการสร้างสตาร์ทอัพที่เมืองจีนค่อนข้างจะสมบูรณ์ เพราะมีทุกรูปแบบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสื่อ บริษัทใหญ่ๆ บริษัทเล็กๆ ก็มาทำ และมีคนมาลงทุน จริงๆ แล้วไม่มีเคล็ดลับเลย มีข้อเดียวที่เป็นไปได้ก็คือ ให้ทดลองฟรี จากปกติเรียกแท็กซี่ต้องจ่าย 50 บาท ก็แจกฟรีเลย ปกติซื้อของชิ้นนี้ต้อง 30 บาท ก็แจกฟรีไปเลย

โมเดลธุรกิจแบบฟรีดูไม่น่าเชื่อถือดูเหมือนสิ้นคิดมากๆแต่ใช้ได้ผลมากที่สุดไม่ต้องไปหาโมเดลอื่นโมเดลนี้คุณสามารถทำให้คนเกิดอยากจะทดลองใช้งาน

#มองดูแล้วสตาร์ทอัพของจีนกำลังมาแรงสุดๆ

ที่เมืองจีนทุกคนเร่งรีบหมด  ช่วงที่ผ่านมาได้ไปจีนคุยกับใครไม่เคยมีใครไม่ยุ่งเลยฉะนั้นไลฟ์สไตล์เขาจะยุ่งมากการที่จะให้ตื่นขึ้นมานวดแป้งคงเป็นไปไม่ได้

อย่างเช่นบริการที่เชื่อว่า饿了么 (เอ้อเลอเมอะ) หิวหรือยัง? อาลีบาบามองว่าเทรนด์นี้เป็นเทรนด์ใหญ่ ทำอย่างไรละ มีบริษัทนี้ทำไปแล้ว ไม่เป็นไร เอาเงินมาลงทุนทำ饿了么 แล้วอาลีบาบาก็เข้ามามีส่วนร่วมตลอด ต่อมาจะเรียกรถแท็กซี่ไปทำงาน หรือ ขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน ก็สามารถใช้ Alipay ในการจ่ายเงิน

ธุรกิจตั้งแต่เช้าจรดเย็นที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน อาลีบาบามีส่วนร่วมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือเป็นหุ้นส่วนใหญ่ก็ตาม วันนี้เขาบอกชัดเจนว่าที่พูดมาทั้งหมด ที่เขาทำมาทั้งหมด สิ่งที่เขาทำอยู่ คือธุรกิจการขายข้อมูลบิ๊กดาต้า

เชื่อเลยว่าคนที่จะมีบิ๊กดาต้าที่บิ๊กจริงไม่น่าจะพ้นอาลีบาบาแล้วเพราะมีทั้งธุรกิจของเขาเองและจากการไปเอาดาต้าจากธุรกิจสตาร์ทอัพที่เขาไปร่วมลงทุนเข้ามาประสานกัน

#เรื่องการใช้เงินดิจิทัล จีนมั่นใจได้อย่างไรในการยอมรับเส้นทาง FinTech ?

คนจีนพื้นฐานแล้วไลฟ์สไตล์คือความรวดเร็วอะไรก็ตามที่เร็วไวถูกจะตอบโจทย์และรับได้อย่างรวดเร็วและบริษัทใหญ่ก็นำเทคโนโลยีนี้เข้ามาค้นพบได้เลยว่าถูกสไตล์ถูกจริตคนจีนประกอบกับการโปรโมทต่างๆและสำคัญที่สุดคือการทำให้ระบบนี้ทำงานได้จริง

การใช้คิวอาร์โค้ดเป็นการเน้นระหว่างโลกออฟไลน์และโลกออนไลน์ เป็นครั้งแรกที่มีการนำคิวอาร์โค้ดมาใช้ให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เป็นระบบที่ซับซ้อน เพราะทุกครั้งที่เวลาเราจ่ายเงินทางคิวอาร์โค้ด จะถูกเจนเนอเรตอัตโนมัติทุกครั้ง จะไม่มีการซ้ำเลย จะเจนเนอเรตในรูปแบบของดิจิทัล

#ดูเหมือนว่าคนจีนมุ่งไปสู่ธุรกิจดิจิทัลอย่างรวดเร็ว

เมืองจีนใช้เวลาแค่ 10 ปี เปลี่ยนจากจนมากๆ เปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรมเป็นสังคมเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารในปัจจุบัน ที่ต่อไปนี้จะกลายเป็นถูกผลักดันด้วยหุ่นยนต์ทั้งหมด เร็วมากขนาดนี้ใช้เวลาแค่ 16 ปีเท่านั้นในการเปลี่ยนสังคมเมืองต่างๆมนมองว่าวิธีที่เร็วแบบนี้ยังไงก็ตามเราก็เป็นมนุษย์อยู่ยังไม่ใช่อยู่เฉยๆเราจะกลายเป็นหุ่นยนต์ไม่ต้องหาหมอไม่ต้องกินข้าวเราไม่ได้เป็นแบบนั้น

การกลับมาสู่ชีวิตที่เรียบง่าย กลับมาหาตัวตน กลับมาหาว่าความสุขในชีวิตคืออะไร บางครั้งเงินทั้งหมด มันไม่สามารถทำให้จิตใจเขาสงบได้เลย ถึงมีเงินเยอะเป็นพันพันล้านก็ตาม คือเริ่มรู้ตัวแล้วว่า ชีวิตในวันนี้มันเร็วเกินไปสำหรับมนุษย์คนหนึ่ง ที่จะเป็นไปได้ แม้กระทั่งคุณจะเก่งคุณจะรวยก็ตาม แต่มันเกินมนุษย์ เราหันกลับมามองตัวเอง แล้วก็เลือกเส้นทางที่สมดุลให้กับชีวิต คือ สุดท้ายทุกคนต้องการสิ่งเดียว คือ ความสุขของชีวิต

ยุพินวดี คุ้มกลัด  เรียบเรียงและถ่ายภาพ