‘สี จิ้นผิง’: ผู้บัญชาการสงครามต้านโควิดควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างสมดุล (3)

0
11

 ‘สี จิ้นผิง: ผู้บัญชาการสงครามต้านโควิดควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างสมดุล (3)

เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่ระบาดได้อย่างรุนแรงได้ลุกลามไปยัง 28 มณฑลในประเทศจีนอย่างรวดเร็ว ผู้ติดเชื้อสะสมในท้องถิ่นมีมากกว่า 7 หมื่นราย พื้นที่ความเสี่ยงระดับกลางและระดับสูงมีกว่า 600 แห่ง ช่วงหนึ่ง การป้องกันควบคุมโควิด-19 ในจีนกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก

ต่อหน้าความผันผวนซ้ำซากของสถานการณ์โรคระบาดรอบศตวรรษ นายสี จิ้นผิงเป็นผู้บัญชาการ ผู้วางแผน ผู้กำหนดกลยุทธ์ที่ถูกหลักวิทยาศาสตร์เพื่อรับมือกับความยากลำบาก ส่งเสริมการพัฒนา และความมั่นคง สมัครสมานสามัคคีนำพาประชาชนนับร้อยล้านคนทำสงครามต้านโควิดเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างสมดุล

การป้องกันควบคุมอย่างตรงจุด — “พยายามให้ได้ผลมากที่สุดด้วยราคาน้อยที่สุด

การบริหารประเทศมีเรื่องมากหน้าหลายตาเป็นพันเป็นหมื่น นายสี จิ้นผิงให้ความสำคัญกับคำว่า “ตรงจุด” มาโดยตลอด

จากการผ่านพ้นความยากจนด้วยการทุ่มแรงอย่างตรงจุด ถึงเรื่องการลงลึกปฏิรูปด้วยการพุ่งเป้าอย่างตรงจุด จากเรื่องการบริหารเมืองอย่างละเอียดดั่งงานเย็บปัก ถึงเรื่องการอบรมเจ้าหน้าที่รัฐอย่างตรงจุด คำว่า “ตรงจุด” เป็นสิ่งสำคัญที่สะท้อนถึงกำลังความสามารถด้านการบริหารสมัยใหม่

ต่อหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างฉับพลัน ในที่ประชุมคณะกรรมการประจำกรมการเมือง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อเดือนมกราคม 2020 นายสี จิ้นผิงออกคำสั่ง “แน่วแน่ความเชื่อมั่น ร่วมทุกข์ร่วมสุข ป้องกันควบคุมอย่างถูกต้อง ใช้กลยุทธ์อย่างตรงจุด”

ต่อหน้าสถานการณ์โรคระบาดรอบศตวรรษที่สลับซับซ้อน การต่อสู้กับไวรัสกลายพันธุ์เพื่อทำโควิด-19 ให้เท่ากับศูนย์ สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่ “ตรงจุด”

การแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกรอบในจีนช่วงหลัง ๆ นี้ เกิดจากการแพร่เชื้อไวรัสหลายจุด หลายเส้นทางยาว และหลายพื้นที่ สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันควบคุมก็คือ การป้องกัน “กรณีติดเชื้อจากต่างประเทศ”

นายสี จิ้นผิงย้ำหลายครั้งว่า เรื่องการป้องกันควบคุมโควิด-19 นั้น ความเสี่ยงประการใหญ่สุด คือ “กรณีติดเชื้อจากต่างประเทศ” ซึ่งควรเฝ้าระวังทุกขณะไม่ให้เข้าเมือง จึงควรปฏิบัติหน้าที่ป้องกันควบคุมโควิด-19 ตามพื้นที่ด่านอย่างจริงจัง จัดส่งกำลังคนอย่างเพียงพอ ปรับระบบการป้องกันควบคุมด้วยวิถีปกติให้สมบูรณ์ขึ้น ปรับข้อด้อยข้ออ่อน สร้างรั้วกัน “กรณีติดเชื้อจากต่างประเทศ” อย่างเด็ดขาด

อัลฟา, เบตา, แกมมา, เดลตา และโอมิครอน ไวรัสกลายพันธุ์ที่ผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพิ่มความยากลำบากให้กับการป้องกันควบคุมโควิด-19 และทำให้มนุษย์ต้องปรับกลยุทธ์รับมืออย่างต่อเนื่อง

“หมั่นหาคำตอบและวิธีการจากวิทยาศาสตร์” “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นอาวุธสู้กับโรคภัยไข้เจ็บของมนุษย์” “แพทย์แผนจีนผสมผสานกับแพทย์แผนตะวันตก ยาจีนควบคู่ยาฝรั่ง” นายสี จิ้นผิงย้ำขณะตรวจเยี่ยมโครงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการป้องกันควบคุมโควิด-19 รวมทั้งขณะร่วมงานสัมมนาผู้เชี่ยวชาญนักวิชาการว่าด้วยบทบาทของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการป้องกันควบคุมโควิด-19 อย่างตรงจุด

การเดินหน้าโครงการวิจัยและผลิตวัคซีน ชุดตรวจเร็ว และผลิตภัณฑ์ยา โครงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแบบสลับชนิด โครงการตรวจกรดนิวคลีอิกผสานการตรวจ Ag เพื่อป้องกันควบคุมอย่างตรงจุดมากขึ้น การวางแผนต้านโควิด-19 ดังกล่าว สื่อให้เห็นถึงสายตามองการณ์ไกลทางยุทธศาสตร์ของผู้นำ

การสร้าง “กำแพงภูมิคุ้มกัน” ภายใต้การวางแผนของนายสี จิ้นผิง จีนเริ่มต้นโครงการฉีดวัคซีนขนาดใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงวันที่ 24 มีนาคม มีผู้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสทั่วจีนกว่า 1,240 ล้านคน คิดเป็นเกือบร้อยละ 90 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งเร็วกว่าประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก

ภายใต้การบัญชาการของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีนายสี จิ้นผิงเป็นศูนย์กลาง มีการปรับปรุงตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างทันกาลตามการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โควิด-19 ทั้งสูตรวินิจฉัยและเยียวยารักษา ไปจนถึงแนวทางในการระดมกำลังตรวจกรดนิวคลีอิก โดยสั่งการว่าการตรวจกรดนิวคลีอิกต้องดำเนินการแล้วเสร็จภายในเวลา 24 ชั่วโมง การตรวจเชื้อไวรัสใช้แบบ “การตรวจคัดกรอง Ag, การวินิจฉัยกรดนิวคลีอิก” การกักตัวแบบรวมศูนย์สำหรับผู้ป่วยอาการเบา และปรับลดเกณฑ์มาตรฐานสำหรับออกจากสถานที่กักตัว

การแข่งกับเวลา การวิ่งได้เร็วกว่าเชื้อไวรัสอย่างเชิงรุก การยึดยุทธศาสตร์ “โควิดเป็นศูนย์” และมาตรการ “พบตั้งแต่แรก แจ้งตั้งแต่แรก กักตัวตั้งแต่แรก รักษาตั้งแต่แรก” ช่วยให้จีนประสบผลดีในการป้องกันควบคุมโควิด-19

การป้องกันควบคุมโควิด-19 ตามวิถีปกติไม่ใช่นโยบายโดดเดี่ยว หากเป็นระบบที่สลับซับซ้อนชุดหนึ่ง ควรดำเนินการอย่างเฉียบขาดและถึงที่สุด ตลอดจนไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตปกติของชาวบ้านทั่วไป

“ควรยกระดับการป้องกันควบคุมโควิด-19 อย่างตรงจุดให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความแตกต่างกันด้วยการแบ่งเขตและแบ่งระดับ” นายสี จิ้นผิงเคยย้ำหลายครั้งในที่ประชุมคณะกรรมการประจำกรมการเมือง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ถึงการวางแผนเกี่ยวกับการป้องกันควบคุมโควิด-19 อย่างตรงจุด โดยย้ำว่า “ควรแบกรับความรับผิดชอบทั้ง 4 ฝ่าย ได้แก่ ทางการท้องถิ่น หน่วยงาน ผู้ว่าจ้าง และส่วนบุคคล” “ควรรักษาความมั่นคงด้านการผลิตและการใช้ชีวิตปกติของประชาชน ป้อนตลาดให้เพียงพอต่อความต้องการในการใช้ชีวิต บริการประชาชนผู้ต้องการพบแพทย์ด้วยดี” “ดำเนินมาตรการป้องกันควบคุมและแผนรับมือฉุกเฉินอย่างจริงจัง”

ติดตามตอนก่อนหน้าได้ที่

‘สี จิ้นผิง’: ผู้บัญชาการใหญ่สงครามบูรณาการควบคุมโรคระบาดกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม (2)