โลกจับตาการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20

0
7

โลกจับตาการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20

การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20  จะมีขึ้นในวันที่ 16 ตุลาคม 2565 หลังจากการประชุมกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน  ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าประธานาธิบดี สี จิ้งผิง จะได้บริหารประเทศต่อเป็นสมัยที่ 3

รองศาสตราจารย์สมชาย  ภคภาสน์วิวัฒน์  นักวิชาการด้านเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ วิเคราะห์ถึงการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งนี้ว่า  น่าจะเป็นการต่ออายุเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และทำให้นายสี จิ้งผิง รับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 3 เป็นการตอกย้ำถึงแนว นโยบายและความยิ่งใหญ่ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

รองศาสตราจารย์สมชาย ยังวิเคราะห์ถึง “ผู้นำจีน” ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ให้จีน 3 ท่าน ท่านแรก คือ อดีตประธานาธิบดีเหมา เจ๋อตุง ผู้สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน  ท่านที่สองคือ ท่านเติ้ง เสี่ยวผิง  ที่มีการบริหารประเทศในระบอบสังคมนิยมแบบจีน ทำให้ประเทศจีนมีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่องร้อยละ 10 เป็นเวลา 30 ปี  มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา  และท่านที่ 3 คือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่กำลังพัฒนาจีนให้ยิ่งใหญ่ในหลายด้าน จนจีนกลายเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีบทบาทในเวทีโลก

ประธานาธิบดีสี  จิ้นผิง รับตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตั้งแต่ปี ค.ศ.2012 ได้ทำให้จีนผงาดและยิ่งใหญ่ขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลก ถ้าย้อนดูผลงานในรอบ 10 ปีภายใต้การนำของประธานธิบดีสี จิ้นผิง  มีผลงานที่โดดเด่นหลายเรื่อง  อาทิ การวางแผนยุทธศาสตร์ “จงกั๋วเมิ่ง” ความฝันของชาติจีน ที่มีการวางแผนองค์ประกอบที่จะนำไปสู่ความยิ่งใหญ่ของจีน  การพัฒนาให้พรรคคอมมิวนิสต์เข้มแข็ง  มีแนวนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ  สร้างรายได้  ทำให้คนจนหมดประเทศ  พัฒนาแสนยานุภาพทางทหาร การพัฒนาทางไซเบอร์ การพัฒนาอวกาศ และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน โดยใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาในทุกมิติ

นอกจากนี้ จีนยังมีการขยายอิทธิพลเชื่อมโยงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ทั้งลาตินอเมริกา แอฟริกา  มีการลงนามในข้อตกลงด้านความมั่นคงกับโซโลมอน ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก สำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีนได้ขยายบทบาทเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนอย่างมาก  เช่น โครงการเส้นทางสายไหมทางบกและเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 หรือโครงการ “Belt and Road Initiative (BRI)” สร้างโครงสร้างพื้นฐานให้กับประเทศกำลังพัฒนา เพื่อสร้างการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ รวมถึงการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างจีนกับอาเซียน  และความร่วมมือกับอาเซียนด้านต่างๆ

กล่าวได้ว่า แนวนโยบายของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่เป็นรูปธรรม และสร้างจีนให้เป็นพญามังกรที่ผงาดในเวทีโลก มีบทบาทต่อการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลกใหม่  และทำให้จีนยิ่งใหญ่ในทุกมิติ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ การทูต สังคม ค่านิยม   และทำให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กลายเป็นบุคคลสำคัญที่สร้างประวัติศาสตร์จีน

ขณะเดียวกัน  โลกกำลังจับจ้องความเคลื่อนไหวของพญามังกร ที่ต้องเผชิญกับโจทย์ท้าท้ายหลายเรื่อง ทั้งเรื่องของการกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน  มาตราการในการรับมือสถานการณ์โควิด-19 และการเผชิญความตึงเครียดกับชาติตะวันตก  การบริหารจัดการประเทศจีนในช่วงที่โลกมีการเปลี่ยนแปลง ถือเป็นการวัดฝีมือของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ว่าจะนำทัพพัฒนาจีน ไปสู่ความยิ่งใหญ่ให้สอดคล้องกับความฝัน “จงกั๋วเมิ่ง” ได้อย่างไร

บทสัมภาษณ์ รองศาสตราจารย์ ดร. สมชาย  ภคภาสน์วิวัฒน์

เรียบเรียงโดย ประวีณมัย  บ่ายคล้อย