โรงเรียนกวดวิชาจีนปรับตัวรับ “นโยบาย 2 ลด”อย่างไร ?
โดย รศ.วิภา อุตมฉันท์
“นโยบาย 2 ลด” คือมาตรการปฏิรูปการศึกษาออกแบบร่วมกันระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์จีน กับรัฐบาลจีน มุ่งตรงสู่การศึกษาภาคบังคับ ต้องการเห็นผลในเวลาสั้นที่สุดเพียงปีเดียว (กลางปี 2021- กลางปี 2022) เนื้อหาหลัก ๆ มีเพียง 2 ข้อ คือ
1) ลดการบ้านกองโตที่ รร.แจกให้เด็กไปทำที่บ้าน รร.รู้ว่าพ่อแม่ไม่รังเกียจการบ้าน เพราะการบ้านเยอะความรู้ของเด็กก็จะแน่น การบ้านจึงกลายเป็นภาระที่เด็กต้องก้มหน้าทำทุกวันหลังเลิกเรียน
2) ลดเวลาเรียนพิเศษนอกโรงเรียน พ่อแม่ยุคใหม่มีค่านิยมว่าลูกจะต้องเรียนพิเศษ ฝากความหวังว่าถ้าได้รร.พิเศษที่มีติวเตอร์เก่ง ๆ ลูกจะทำคะแนนได้ดี สอบเข้ารร.มัธยมชื่อดังได้ จากนั้นก็เข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศได้ ฯลฯ
“ลดที่ 2” นี่แหละคือปัญหาที่รัฐบาลต้องรีบสะสางอย่างเร่งด่วนและต้องการเห็นผลทันตาด้วย เพราะยิ่งนาน รร.กวดวิชาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น การแข่งขันค้ากำไรก็ดุเดือดขึ้น ควบคุมยากขึ้น การบังคับใช้กฎหมายมีผลให้ รร.กวดวิชารีบปรับตัวทันที..
1) กฎหมายใหม่ไม่อนุญาตให้รร.พิเศษสอนเนื้อหาที่ซ้ำซ้อนกับวิชาบังคับในหลักสูตร เพราะจะทำให้เกิดความเสียเปรียบได้เปรียบระหว่างเด็กที่เรียนกับไม่ได้เรียน รร.พิเศษบางแห่งสอนล้ำหน้าโรงเรียนด้วยซ้ำ เพื่อให้เด็กที่เรียนเก่งกว่า ทำคะแนนดีกว่าเด็กคนอื่น ผลการบังคับใช้กฎหมายทำให้รร.กวดวิชาที่มีอยู่ราว 124,000 แห่งทั่วประเทศ ปิดตัวลงเหลือ 9,426 แห่ง ที่เหลือต้องรีบปรับตัวเปลี่ยนจากวิชาในหลักสูตร ไปสอนวิชานอกหลักสูตร ฝึกหัดทักษะความสามารถพิเศษด้านต่าง ๆ ให้กับเด็กแทน ฯลฯ
2) กฎหมายใหม่จำกัดชั่วโมงเรียนออนไลน์ และไม่อนุญาตให้สถาบันชื่อดังต่างประเทศใช้สื่อออนไลน์เข้าถึงเด็กนักเรียนในประเทศจีน คำสั่งนี้มีผลให้รร.ที่สอนผ่านออนไลน์หายหน้าไปในชั่วข้ามคืน VIPKids สถาบันสอนพิเศษชื่อดังระหว่างประเทศต้องยุติการสอนในตลาดจีนทันที แต่ยังมีติวเตอร์บางคนแอบใช้วิธีสอนเป็นส่วนตัวโดยไม่ใช้ชื่อสถาบันก็มี
3) กฎหมายสั่งห้าม รร.พิเศษทำธุรกิจเพื่อการค้ากำไร โรงเรียนจำนวนไม่น้อยอาศัยชื่อเสียงที่สังคมให้การยอมรับ เรียกเก็บค่าเล่าเรียนจากผู้ปกครองเป็นรายปี ปีละ 20,000 หยวนก็มี กฎหมายใหม่บังคับให้เก็บค่าเล่าเรียนได้เป็นช่วง ๆ ช่วงละไม่เกิน 3 เดือนเท่านั้น ฯลฯ
โดยเนื้อแท้แล้ว “นโยบาย 2 ลด” มุ่งเพื่อปฏิรูปการศึกษาโดยตรง แต่นักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยมองข้ามช็อตไปถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่อยู่เบื้องหลัง ว่าการลดภาระค่าใช้จ่ายจากการเรียนเป็นเพียงเหตุผลส่วนหนึ่ง เจตนาของรัฐที่แท้จริงต้องการอาศัยเรื่องนี้เป็นมูลเหตุจูงใจให้พ่อแม่มีบุตรเพิ่มขึ้น เพราะการคุมกำเนิดลูกคนเดียวอย่างเข้มงวดนานกว่า 30 ปีทำให้ประชากรจีนเพิ่มขึ้นน้อยมาก จนเปลี่ยนมาเป็นนโยบายลูก 2 คนก็แล้ว 3 คนก็แล้ว แนวโน้มเด็กเกิดใหม่ของจีนยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง รอยเตอร์รายงานว่า ปี 2020 จีนมีเด็กเกิดใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 12 ล้านคน น้อยกว่าปี 2019 2.5 ล้านคน หากรัฐไม่หามาตรการมาช่วยพ่อแม่ลดภาระที่ไม่จำเป็นมาโน้มน้าวใจให้มีลูกเพิ่มขึ้น อีกไม่นานจีนจะประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานวัยหนุ่มสาวอย่างรุนแรงแน่นอน
การปฏิรูปครั้งนี้จะได้ผลตามที่รัฐคาดหวังหรือไม่ ? หรือจะให้ผลตรงกันข้าม ? นั่นก็คือแทนที่พ่อแม่จะดีใจกับภาระค่าใช้จ่ายที่ลดลง กลับเกิดความกังวลใจกับการเรียนของลูก ๆ ซึ่งถูกปรับเปลี่ยนเป็นสถานการณ์แบบใหม่ที่พวกเขาไม่คุ้นเคย ก็ในเมื่อพ่อแม่ยุคนี้ยังมีความมุ่งมั่นอยากเห็นความเป็นเลิศทางวิชาการของลูก อยากเห็นอนาคตอันรุ่งโรงจน์ของลูก ทางออกที่เป็นได้มากเพื่อแก้ความกังวลใจของพ่อแม่ในยามนี้คงหนีไม่พ้น…. หาทางส่งบุตรหลานไปเรียนต่อต่างประเทศให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
ผลจะเป็นอย่างไร เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์