ยืนหยัดใฝ่รู้ไม่ว่างานจะยุ่งเพียงใด – เส้นทางสีจิ้นผิง เส้นทางสีจิ้นผิง(18)

0
1

ทุกค่ำคืนหลังจากที่นายสี จิ้นผิง เสร็จงาน เขามักจะอ่านหนังสืออย่างเงียบๆ โดยปกติช่วงเวลาอ่านหนังสือของเขาคือตั้งแต่ 22:00 น. ถึงประมาณ 02:00 น. ของวันรุ่งขึ้น บางครั้งเวลาลงพื้นที่ชนบทเพื่อดำเนินการศึกษาค้นคว้านั้นจำเป็นต้องค้างคืนสองสามวัน เขาก็มักจะนำหนังสือติดตัวไปหลายเล่ม

ในห้องทำงานของสี จิ้นผิง หนังสือประเภทต่างๆ ไม่เพียงแต่ถูกวางเต็มชั้นหนังสือเท่านั้น แต่ยังกองอยู่บนโต๊ะและเตียงของเขาอีกด้วย หนังสือที่เขาอ่านเช่น “คัมภีร์หลุนอี่ว์” (คัมภีร์ที่บันทึกถ้อยคำและการปฏิบัติของขงจื๊อและสาวก), “จือจื้อทงเจี้ยน” (ผลงานการบันทึกประวัติศาสตร์จีน โดยซือหม่ากวง นักประวัติศาสตร์ราชวงศ์ซ่งเหนือ), “ฝูเซิงลิ่วจี้” (รวมบทร้อยแก้วอัตชีวประวัติโดยเซิน ฟู่ นักวรรณคดีสมัยราชวงศ์ชิง), “ชีวประวัติลินคอล์น”, “การบริหารจัดการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่” และ “การออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์” รวมถึงหนังสือเกี่ยวกับเทคนิคการเพาะปลูกพืช เช่น ฝ้ายและข้าวสาลี เป็นต้น

นอกจากนั้นสี จิ้นผิง ยังอ่านหนังสือเกี่ยวกับแนวโน้มและวิธีการกำหนดนโยบายในมุมมองชาวตะวันตก เช่น ” แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระดับมหภาค 10 ประการ ” และ “ศาสตร์แห่งการตัดสินใจ” เพื่อศึกษาค้นคว้าอีกด้วย

โจว เหว่ยซือ ผู้สื่อข่าวจากนิตยสาร “เยาวชนเหอเป่ย” เป็นคนชอบอ่านนวนิยาย ได้รู้เรื่องที่สี จิ้นผิง ชอบอ่านหนังสือในระหว่างการสัมภาษณ์ ต่อมาโจว เหว่ยซือ ได้แนะนำนวนิยายเรื่อง “กลางคืนและกลางวัน” ที่เพิ่งเผยแพร่ให้กับสี จิ้นผิง และเมื่อทั้งสองได้พบกันอีกครั้ง สีจิ้นผิงกล่าวว่า “คุณรู้หรือไม่ว่า‘กลางวันและกลางคืน’ มีภาคสองออกแล้ว ชื่อว่า‘ความเสื่อมและความรุ่งโรจน์’ ผมอ่านจบแล้ว”

ความรอบรู้ของสี จิ้นผิง เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างในบรรดาเจ้าหน้าที่ทั่วทั้งอำเภอเจิ้งติ้ง ในการประชุมทุกครั้งยกเว้นการประชุมขนาดใหญ่ เช่น การประชุมเจ้าหน้าที่สามระดับ (หมู่บ้าน ตำบลและอำเภอ) สี จิ้นผิง มักจะพูดโดยไม่มีบท และยิ่งกว่านั้นเขามักจะอ้างคำคมและสำนวนโบราณประกอบการพูดได้อย่างเหมาะสม บรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่นั่งฟังในที่ประชุมต่างก็ยอมรับและเคารพสี จิ้นผิงมากเป็นพิเศษ

ครั้งหนึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมศาสตร์หลายคนเดินทางไปเยี่ยมชมวัดหลงซิง ในอำเภอเจิ้งติ้ง สี จิ้นผิงร่วมพาเดินชมในฐานะเจ้าภาพ ตลอดทางเขาได้บอกเล่าถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับวัดหลงซิงอย่างคล่องแคล่ว ประวัติศาสตร์ของอำเภอเจิ้งติ้ง รวมถึงบุคคลผู้มีชื่อเสียงโด่งดังและหนังสือคลาสสิก สร้างความประทับใจอย่างมากให้กับบรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ปี 1984 สี จิ้นผิง กล่าวในการประชุมงานของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำอำเภอเจิ้งติ้งว่า ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์เช่นนี้ เจ้าหน้าที่ทุกระดับควรจะต้องเรียนรู้จากหนังสือ จากการปฏิบัติ จากผู้มีประสบการณ์ จากผู้เชี่ยวชาญ จากสหายเก่า และจากเจ้าหน้าที่รุ่นเก่า

อำเภอเจิ้งติ้งเร่งยกระดับคุณภาพของบรรดาเจ้าหน้าที่และพนักงานผ่านรูปแบบการเรียนรู้เพิ่มเติม 4 รูปแบบตามลำดับ อันได้แก่ การก่อตั้งโรงเรียนอบรมพนักงาน การฝึกอบรมระยะสั้น การคัดเลือกบุคคลากรเข้ารับการฝึกอบรมจากที่อื่น และการเรียนรู้ด้วยตัวเองในระหว่างการทำงาน ซึ่งการเรียนรู้เพิ่มเติมเหล่านี้มาจากการผลักดันของสี จิ้นผิง

เมื่อปี 1984  เจ้าหน้าที่และพนักงานในอำเภอเจิ้งติ้ง รวม 19,650 คนมากกว่าครึ่งหนึ่งได้เข้าร่วมการฝึกอบรม ส่วนที่เหลือก็ได้ศึกษาด้วยตัวเอง นำมาซึ่ง “กระแสการเรียนรู้” ในหมู่เจ้าหน้าที่และพนักงานทั่วทั้งอำเภอ มีเจ้าหน้าที่และพนักงานจำนวน 1,531 คนที่เข้าร่วมการเรียนรู้เพิ่มเติมได้รับวุฒิการศึกษาเทียบเท่าโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นหรือสูงกว่า และมี 14 คนได้รับประกาศนียบัตรจากวิทยาลัยด้วย

ขณะทำงานในอำเภอเจิ้งติ้ง ตารางทำงานของ สี จิ้นผิง แน่นตลอด ช่วงเวลากลางวันเข้าประชุม ลงพื้นที่ชนบทเพื่อศึกษาค้นคว้าและแก้ไขปัญหา ช่วงเวลากลางคืนศึกษาการทำงาน อ่านเอกสารราชการและให้คำแนะนำ แลกเปลี่ยนพูดคุยกับเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน เขาแทบจะไม่เคยได้พักผ่อนก่อนเวลาเที่ยงคืน แสงไฟดวงสุดท้ายที่ดับลงยามกลางคืนในอาคารสำนักงานคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำอำเภอเจิ้งติ้งมักจะมาจากห้องทำงานของสีจิ้นผิง

สี จิ้นผิง กล่าวว่า เราได้ประกาศการ “พัฒนาเจิ้งติ้งให้เจริญรุ่งเรือง” ออกไปเป็นเวลานานแล้ว นี่เป็นแนวโน้มใหญ่แห่งการ “สร้างสรรค์สี่ทันสมัย”(ความทันสมัยสี่ประการอันได้แก่ความทันสมัยทางด้านอุตสาหกรรม การเกษตร การคมนาคมขนส่ง และการป้องกันประเทศ) และเป็นความปรารถนาร่วมกันของประชาชนทั่วทั้งอำเภอ

แปลเรียบเรียงโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน(CMG)

ติดตามตอนก่อนหน้าได้ที่

https://www.tcjapress.com/2022/12/19/xi-way-17/