ประตูห้องทำงานของสีจิ้นผิงเปิดต้อนรับประชาชนเสมอ – เส้นทางสีจิ้นผิง(19)

0
1
โฉมหน้าใหม่บริเวณเมืองโบราณเจิ้งติ้งในอำเภอเจิ้งติ้ง เมืองสือเจียจวง มณฑลเหอเป่ยทางตอนเหนือของจีน

ในสายตาของบรรดาเจ้าหน้าที่และประชาชนจำนวนมาก นายสี จิ้นผิง เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำอำเภอที่ติดดิน

ในเวลานั้นห้องทำงานของสี จิ้นผิง ในที่ทำการของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำอำเภอเจิ้งติ้งมักจะมีชาวบ้านเข้าออกอยู่เป็นประจำภายใต้คติพจน์ประจำใจที่ว่า “พวกเราชาวพรรคคอมมิวนิสต์เกิดมาเพื่อรับใช้ประชาชน เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องติดต่อสัมพันธ์กับประชาชน เราจำเป็นต้องสร้างความผูกพันที่ลึกซึ้งกับประชาชนและจะแยกออกจากประชาชนไม่ได้แม้แต่เสี้ยววินาที”

มีอยู่คืนหนึ่งนายโจว เหว่ยซือ นักข่าวจากนิตยสาร “เยาวชนเหอเป่ย” กำลังทำการสัมภาษณ์ สี จิ้นผิง ในห้องทำงาน  ทันใดนั้นหญิงชราผมขาวคนหนึ่งก็ผลักประตูเข้ามาและจับมือของสี จิ้นผิง แล้วร้องไห้พลางพูดว่า”เลขาสี คุณต้องช่วยฉัน!” สี จิ้นผิง รีบยกเก้าอี้ให้พร้อมเทน้ำร้อนแก้วหนึ่งมอบให้หญิงชราและพูดว่า “ไม่ต้องรีบ นั่งลงค่อยๆ พูด…”

เวลารับคำร้องจากประชาชน สี จิ้นผิง มักมีความอดทนสูงเป็นพิเศษ เขารับรู้สภาพต่างๆ อย่างรอบคอบจริงจัง ช่วยแก้ไขปัญหาหรือดำเนินการไกล่เกลี่ย ไม่เคย “ขอไปที” แม้แต่ครั้งเดียว

ในเวลานั้นมีคนจำนวนมากจากทุกสาขาอาชีพเขียนจดหมายถึงสี จิ้นผิง ซึ่งเขาก็อ่านทุกฉบับอย่างตั้งใจและยังตอบกลับด้วยวิธีที่เหมาะสม

ฉี เหวินจือ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำหมู่บ้านเสี่ยวเค่อ เคยเขียนจดหมายถึงสี จิ้นผิง เพื่อสะท้อนถึงความยากลำบากของซู ซินจาง ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครุ่นเก่าในหมู่บ้าน ชายชราผู้นี้เข้าร่วมเป็นทหารของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนในปี 1937 และเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี 1938 แต่ต่อมาเอกสารทั้งหมดสูญหายไปจึงเป็นการยากที่จะดำเนินการให้เขาเป็นผู้รับสิทธิและผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องทำให้เขาใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก ทันทีที่ได้รับจดหมาย สี จิ้นผิง ได้สั่งให้สำนักงานกิจการพลเรือนของอำเภอเจิ้งติ้งส่งเจ้าหน้าที่พิเศษไปตรวจสอบและจัดการเรื่องนี้โดยด่วน หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยจึงได้ดำเนินการต่ออายุความเป็นสมาชิกพรรคของซู ซินจาง พร้อมมอบสิทธิและผลประโยชน์คืนให้เขา ต่อมาขณะลงพื้นที่ของหมู่บ้านเสี่ยวเค่อ เพื่อดำเนินการศึกษาค้นคว้านั้น สี จิ้นผิง ยังเคยไปเยี่ยมซู ซินจางถึงบ้านอย่างเป็นกันเอง ก่อนซู ซินจาง เสียชีวิตเขาจับมือเจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านและพูดว่า “นามสกุลของผมไม่ใช่ซู นามสกุลของผมคือพรรค พรรคคอมมิวนิสต์ดี!”

สี จิ้นผิง ยังมักรับคำร้องจากประชาชนในการลงพื้นที่ หากชาวบ้านไม่ได้รับความยุติธรรม หรือรายงานปัญหาใด ๆ ขอเพียงสมเหตุสมผล เขาจะตัดสินใจทันทีและจัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาโดยด่วน

ในเวลาปกติเมื่อพบเห็นยาม พนักงานโรงอาหาร พนักงานทำความสะอาดหรือพนักงานชั่วคราวในบริเวณที่ทำการของคณะกรรมการพรรคอำเภอเจิ้งติ้ง สี จิ้นผิง จะทักทายอย่างเป็นกันเองเสมอ ขณะที่ทุกคนเมื่อพบหน้าสี จิ้นผิง ก็จะทักตอบว่า “เลขาธิการสี!”เหมือนเป็นเพื่อนกัน

เวลา สี จิ้นผิง ลงพื้นที่ในชนบท เขามักจะนั่งเท่ากับชาวนาบนพื้นดิน พูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการทำไร่ไถนาและสารทุกข์สุขดิบของชีวิต และเมื่อ สี จิ้นผิง ไปที่บ้านในชนบท ชาวบ้านมักจะนำชามข้าวตักน้ำมาให้เขา ซึ่งเขาก็รับแล้วดื่มทันทีโดยไม่เคยลังเลหรือรู้สึกรังเกียจ

ครั้งหนึ่ง สี จิ้นผิง พร้อมสหายสองสามคนจากสำนักงานคณะกรรมการพรรคประจำอำเภอเจิ้งติ้ง เดินทางลงพื้นที่ชนบทในคอมมูนหย่งอาน ในแปลงทดลองปลูกฝ้าย เฝิง อี้ว์หมิง ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกฝ้ายที่ขึ้นชื่อทั่วทั้งอำเภอกำลังยุ่งอยู่กับงาน สี จิ้นผิง ลงจากจักรยานแล้วเดินเข้าไปหาเฝิง อี้ว์หมิง พร้อมจับมือแล้วพูดว่า “สวัสดีครับ คุณลุงเฝิง วันนี้ผมมาเรียนรู้วิธีปลูกฝ้ายจากท่าน”

หลังจากได้ฟังคำแนะนำจากผู้ติดตาม เฝิง อี้ว์หมิง รู้สึกตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก เขารีบพูดว่า “อย่า อย่า อย่า คุณเป็นผู้นำ คุณจะเรียกผมอย่างนี้ไม่ได้”

“ลุงเฝิง ท่านอย่าได้เกรงใจเลย ต่อจากนี้ไปท่านก็คือคุณครูของผม”

ต่อมาสี จิ้นผิง ได้เรียนรู้เทคนิคการปลูกฝ้ายกับเฝิง อี้ว์หมิง พวกเขาสองคนยังได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันแม้จะมีอายุห่างกันมากก็ตาม

แปลเรียบเรียงโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน(CMG)

ติดตามตอนก่อนหน้าได้ที่

https://www.tcjapress.com/2022/12/28/xi-way-18-2/