ในช่วงต้นปี 2023 ที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประธานาธิบดีจีนได้เริ่มต้นกำหนดการทางการทูตใหม่ โดยได้จัดการเจรจากับนายเฟอร์ดินานด์ โรมูอัลเดซ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีแห่งฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 4 มกราคม และได้จัดการเจรจากับนายเซร์ดาร์ เบอร์ดีมูฮาเมดอฟ ประธานาธิบดีแห่งเติร์กเมนิสถานเมื่อวันที่ 6 มกราคมตามลำดับ
สี จิ้นผิง ได้หารือประเด็นอะไรกับประมุขของทั้งสองประเทศ? มีรายละเอียดอะไรบ้างที่ควรค่าแก่การให้ความสนใจ? ได้ถ่ายทอดเสียงจีนแบบไหน?
สานต่อมิตรภาพ เริ่มการเดินทางใหม่
ประธานาธิบดีมาร์กอสของฟิลิปปินส์เป็นผู้นำต่างประเทศคนแรกที่จีนได้ต้อนรับในปี 2023 การเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนจีนครั้งแรกของประธานาธิบดีมาร์กอสหลังเข้ารับตำแหน่ง และจีนยังเป็นประเทศแรกในการเยือนอย่างเป็นทางการนอกอาเซียนของเขาด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็ให้ความสำคัญกับการเยือนครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง
ปี 2022 หลังจากมาร์กอสได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ สี จิ้นผิงได้โทรศัพท์พูดคุยกับเขาโดยเร็วที่สุด พร้อมแสดงว่า “จีนถือฟิลิปปินส์อยู่ลำดับต้นๆในการทูตเพื่อนบ้านโดยตลอด”
ประธานาธิบดีมาร์กอสให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เมื่อ 48 ปีที่แล้ว บิดาของมาร์กอสกับผู้นำจีนรุ่นเก่าได้ร่วมกันตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์เพื่อสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ ก่อนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ มาร์กอส ซึ่งขณะนั้นอายุ 17 ปี ได้เดินทางเยือนจีนเป็นครั้งแรกพร้อมกับมารดาของเขา และมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศด้วยตัวเอง หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เขาได้กล่าวถึงเรื่องนี้หลายครั้ง และได้แสดงความปรารถนาที่จะยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้สูงยิ่งขึ้น
“ผมหวังว่าการเยือนจีนครั้งนี้ของท่านจะไม่เพียงเป็น ‘การเดินทางแห่งความคิดถึง’ เท่านั้น แต่ยังเป็น ‘การเดินทางแห่งการบุกเบิก’ อีกด้วย” สี จิ้นผิงกล่าวเช่นนี้ขณะเจรจากับประธานาธิบดีมาร์กอส
ในระหว่างการพูดคุย ประมุขทั้งสองลงลึกดำเนินการแลกเปลี่ยนเป็นเวลานาน ได้บรรลุฉันทามติใหม่เกี่ยวกับการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ฟิลิปปินส์ในอนาคต ได้ให้คำแนะแนวเชิงยุทธศาสตร์ และเห็นพ้องต้องกันที่จะร่วมกันเริ่มการเดินทางใหม่แห่งสัมพันธภาพความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านจีน-ฟิลิปปินส์ เป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นญาติที่ดีที่เข้าใจและใกล้ชิดกัน และเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่ร่วมมือและได้ชัยชนะร่วมกัน ผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีให้สูงขึ้นอีกระดับ
ประธานาธิบดีเซร์ดาร์ เบอร์ดีมูฮาเมดอฟแห่งเติร์กเมนิสถานก็เยือนจีนเป็นครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่งเช่นกัน
ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่มีความสำคัญในกระบวนการพัฒนาประเทศของทั้งจีนและเติร์กเมนิสถาน การประชุมสมัชชาผู้แทนระดับชาติแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 จัดขึ้นด้วยความสำเร็จ ซึ่งได้วาดพิมพ์เขียวอันยิ่งใหญ่ว่าด้วยการสร้างประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัยอย่างรอบด้าน การเลือกตั้งประธานาธิบดีของเติร์กเมนิสถานจัดขึ้นอย่างราบรื่น ประธานาธิบดีคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง และได้กำหนดเค้าโครงใหม่เกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
มีความบังเอิญทางประวัติศาสตร์อย่างมีนัยอันลึกซึ้ง คือ วันที่ 6 มกราคมเมื่อ 31 ปีที่แล้ว จีนกับเติร์กเมนิสถานได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ 31 ปีให้หลัง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้จัดการเจรจากับประธานาธิบดีเซร์ดาร์ เบอร์ดีมูฮาเมดอฟในวันรำลึกการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ
ระหว่างการเจรจา ทั้งสองฝ่ายได้ประเมินค่าอย่างสูงต่อผลสำเร็จมากมายในการพัฒนาความร่วมมือทางด้านต่าง ๆ ในช่วง 31 ปีนับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศเป็นต้นมา โดยเห็นพ้องกันว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศได้เข้าสู่ขั้นตอนใหม่ที่พัฒนาอย่างครอบคลุม ได้ประกาศร่วมกันว่าจะยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้าน
“จีนยินดีที่จะทำงานร่วมกับเติร์กเมนิสถาน เพื่อสานต่อความร่วมมือรอบด้านระหว่างจีน-เติร์กเมนิสถานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ขับเคลื่อนการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-เติร์กเมนิสถาน ให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีได้รับการพัฒนาในระดับที่สูงยิ่งขึ้น” ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าว
เพิ่มความไว้วางใจซึ่งกันและกัน มองไปยังอนาคตใหม่
ภูมิภาครอบข้างมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับจีนในการลงหลักปักฐาน พัฒนา และเจริญรุ่งเรือง ทั้งยังอยู่ลำดับสำคัญที่สุดในการจัดวางทางการทูตของจีนอีกด้วย
“ทั้งจีนและฟิลิปปินส์ต่างก็เป็นประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย การพัฒนาของเรามีรากฐานมาจากสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน มีรากฐานมาจากครอบครัวใหญ่แห่งเอเชียที่ร่วมมือกันและได้ชัยชนะร่วมกัน” ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงย้ำว่าจีนยินดีที่จะมุ่งเน้นความร่วมมือและการพัฒนาร่วมกับฟิลิปปินส์และประเทศอาเซียนอื่น ๆ รักษาสถานะที่เป็นแกนกลางแห่งความร่วมมือในภูมิภาคของอาเซียนให้ดี ขับเคลื่อนการสร้าง “บ้านใหญ่ 5 หลัง” (บ้านใหญ่แห่งสันติภาพ บ้านใหญ่แห่งความสงบสุข บ้านใหญ่แห่งความเจริญรุ่งเรือง บ้านใหญ่แห่งความสวยงาม บ้านใหญ่แห่งมิตรภาพ) ผลักดันให้ภูมิภาคนี้หลุดพ้นจากเงาแห่งสงครามเย็น หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าระหว่างค่าย และเป็นพื้นที่แห่งการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองในระดับสูงต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ประธานาธิบดีมาร์กอสกล่าวว่า เขาหวังว่าจะพิสูจน์ให้โลกเห็นผ่านการเยือนจีนครั้งนี้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างฟิลิปปินส์กับจีนนั้นอยู่ในเกณฑ์ดีและมีความสำคัญมาก ทั้งสองฝ่ายต่างก็ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์ระหว่างกัน และมุ่งมั่นที่จะยกความสัมพันธ์ระหว่างฟิลิปปินส์กับจีนให้สูงขึ้นสู่ระดับใหม่ “จีนเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือที่แข็งแกร่งที่สุดของฟิลิปปินส์ ไม่มีสิ่งใดสามารถขัดขวางการสานต่อและการพัฒนามิตรภาพระหว่างฟิลิปปินส์กับจีนได้ ฟิลิปปินส์ยึดมั่นในนโยบายจีนเดียว ฟิลิปปินส์ยินดีที่จะดำเนินการต่อเพื่อจัดการปัญหาทางทะเลอย่างเหมาะสมผ่านการปรึกษาหารือกันอย่างเป็นมิตร และจะเริ่มการปรึกษาหารือเกี่ยวกับการพัฒนาน้ำมันและก๊าซกับจีนอีกครั้ง”
ในฐานะศูนย์กลางสำคัญที่เชื่อมโยงเอเชียกับยุโรป ภูมิภาคเอเชียกลางจึงเป็นทิศทางสำคัญในการบริหารจัดการเกี่ยวกับภูมิภาคโดยรอบของจีน ในระหว่างการเจรจากับประธานาธิบดีเซร์ดาร์ เบอร์ดีมูฮาเมดอฟ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้กล่าวถึงกลไกความร่วมมือ “จีน + 5 ประเทศเอเชียกลาง” โดยเฉพาะ
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สี จิ้นผิงได้จัดการประชุมสุดยอดทางวิดีโอกับประมุข 5 ประเทศในเอเชียกลาง เพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยทุกประเทศเห็นพ้องที่จะยกระดับกลไก “จีน + 5 ประเทศเอเชียกลาง” เป็นระดับประมุข
ครั้งนี้ สี จิ้นผิงเสนอว่าจีนยินดีที่จะเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือกับเติร์กเมนิสถาน จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอด “จีน + 5 ประเทศเอเชียกลาง” ครั้งแรกให้ดี ซึ่งได้รับการประเมินค่าอย่างสูงและการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากเติร์กเมนิสถาน
คำบรรยายภาพ: สี จิ้นผิงจัดพิธีต้อนรับประธานาธิบดีมาร์กอสของฟิลิปปินส์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนจีน ณ มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 4 มกราคม ปี 2023
คำบรรยายภาพ: สี จิ้นผิงจัดพิธีต้อนรับประธานาธิบดีเซร์ดาร์ เบอร์ดีมูคาเมดอฟแห่งเติร์กเมนิสถาน ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนจีน ณ มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 6 มกราคม ปี 2023
แปลเรียบเรียงโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน(CMG)
