กำกับดูแลงานเกษตรเป็นงานที่ทำด้วยใจ – เส้นทางสี จิ้นผิง (23)

0
10
ริมสะพานเหยียนอู่ในเมืองเซี่ยะเหมิน และเกาะกู่ล่างอี่ว์(ภาพตัดต่อโดยสำนักข่าวซินหัว เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ปี 2017)

เดือนมิถุนายน ปี 1985 สี จิ้นผิง เดินทางไปรับตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีที่เมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน นอกจากงานที่ได้รับมอบหมายแล้วเขายังอาสาเป็นผู้กำกับดูแลงานด้านการเกษตเพราะเขารับรู้มาว่าพื้นที่ชนบทของเซี่ยะเหมินค่อนข้างเปราะบาง

วันที่สามหลังจากได้รับมอบหมายงาน สี จิ้นผิงเริ่มนำทีมลงพื้นที่ชนบทเพื่อดำเนินการศึกษาค้นคว้าโดยเลือกอำเภอถงอันเป็นจุดแรก การมาเยือนของสี จิ้นผิง ทำให้กัว อานหมิน นายอำเภอในขณะนั้นรู้สึกทั้งประหลาดใจและดีใจ เวลานั้นเกษตรกรรมที่ถงอันมีความล้าหลังมากต้องพึ่งพาเงินอุดหนุนทางการคลังจากเทศบาลเมือง

ต่อมาสี จิ้นผิง เดินทางไปยังถงอันบ่อยครั้งแทบจะเรียกว่านับไม่ถ้วน แต่สิ่งที่กัว อานหมิน จดจำขึ้นใจคือไม่ว่าไปที่ไหน สี จิ้นผิงจะนั่งบนม้านั่งเล็กๆ และพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ชาวบ้านในท้องถิ่นชอบชงชาโดยใช้ถ้วยชาที่เก่า แต่สี จิ้นผิงไม่เคยลังเลหรือรังเกียจที่จะดื่มชากับชาวบ้าน สิ่งนี้ทำให้ “สหายสี จิ้นผิงใกล้ชิดกับประชาชนได้ในทันที

ในสายตาของจู ย่าเหย่น รองนายกเทศมนตรีเมืองเซี่ยเหมินในขณะนั้น  สี จิ้นผิง ได้บรรลุ “ถึงสามประการ เกี่ยวกับงาน “สามเกษตร (เกษตรกรรม ชนบทและชาวนา) ได้แก่

หนึ่งคือ ใจถึง สี จิ้นผิง มีความผูกพันอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับชาวนาและชนบท ส่วนหนึ่งมาจากการที่เขาเคยฝึกงานในอำเภอเหยียนชวน มณฑลส่านซี และเคยเป็นเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำอำเภอเจิ้งติ้ง มณฑลเหอเป่ย

สองคือ “คนถึง” ในเวลานั้นพื้นที่ส่วนใหญ่ของเซี่ยเหมินยังคงเป็นชนบท แม้ทำงานในเซี่ยะเหมินเพียง 3 ปี แต่สี จิ้นผิงได้เดินทางไปทุกที่ซึ่งรวมถึงพื้นที่ห่างไกลและยากจนที่สุดในเซี่ยเหมิน ตัวอย่างเช่น หมู่บ้านจวินหยิงซึ่งอยู่ห่างไกลมากในอำเภอถงอัน จู ย่าเหย่นรับรู้เรื่องหมู่บ้านแห่งนี้จากการบอกเล่าของสี จิ้นผิง

สามคือนโยบายถึง” ไม่ว่าจะไปที่ใด สี จิ้นผิง ก็เสนอมาตรการเฉพาะเจาะจงตามสภาพความเป็นจริงของท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนการทำงาน

หมู่บ้านจวินหยิงอยู่ห่างไกลมากขนาดไหน?

20 ปีให้หลัง หลิว ซีกุ้ย นายกเทศมนตรีเมืองเซี่ยเหมินในขณะนั้นได้พบกับสี จิ้นผิงระหว่างการเดินทางไปเข้าร่วมประชุมที่ปักกิ่ง สี จิ้นผิงถามเขาว่าเวลานี้หมู่บ้านจวินหยิงในถงอันเป็นอย่างไรบ้าง

หลิว ซีกุ้ย พูดตรงๆ ว่าเขาเองยังไม่เคยไปที่นั่น เขาคาดไม่ถึงเลยว่าในช่วงเวลาเพียง 3 ปีที่สี จิ้นผิงเคยทำงานในเซี่ยเหมิน สี จิ้นผิงได้เดินทางไปทุกที่ซึ่งรวมถึงพื้นที่ที่ห่างไกลและยากจนที่สุดในเซี่ยเหมิน และยิ่งคาดไม่ถึงว่า สี จิ้นผิง ยังคอยห่วงใยประชาชนในระดับรากหญ้าในเซี่ยเหมินมากขนาดนี้

ย้อนกลับไปในปี 1986 เขตเศรษฐกิจพิเศษกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่สายลมแห่งการปฏิรูปและการเปิดประเทศดูเหมือนจะพัดไปไม่ถึงหมู่บ้านจวินหยิง

หมู่บ้านจวินหยิงอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ในพื้นที่ของเซี่ยเหมินที่ติดกับเมืองจางโจว และเมืองเฉวียนโจว รายได้หลักของชาวบ้านกว่า 700 คน มาจากสวนชา 400 กว่าโหม่ว (2.4 โหม่วเท่ากับ 1 ไร่) รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีอยู่ที่ประมาณ 280 หยวน ทั้งหมูบ้านมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็ก 20 กิโลวัตต์เครื่องเดียว ซึ่งไม่สามารถตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าของทั้งหมู่บ้านได้ แต่ละครัวเรือนสามารถใช้หลอดไฟขนาด 25 วัตต์ได้เพียงหนึ่งหรือสองหลอดในเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน

เดือนเมษายน ปี 1986 เกา ฉวนกั๋ว ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าคณะกรรมการหมู่บ้านจวินหยิงได้พบกับสี จิ้นผิง กรรมการประจำคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองเซี่ยเหมิน และรองนายกเทศมนตรีเมืองเซี่ยเหมินเป็นครั้งแรกที่บริเวณสะพานโค้งปากทางเข้าหมู่บ้าน ภายในหมู่บ้านมีถนนดิน กว้าง 1.6 เมตร เพียงทางเดียว รถไม่สามารถเข้าไปได้จึงได้แต่จอดรถยนต์ไว้ที่ปากทางเข้าหมู่บ้านแล้วเดินเท้าเข้าไปในหมู่บ้าน

หลังจากได้พบกับเกา ฉวนกั๋วแล้ว สี จิ้นผิงถามถึงงานในทันทีว่าหมู่บ้านที่นี่มีครัวเรือนที่ยากจนกี่ครัวเรือนจากนั้นเขาได้เดินไปเยี่ยมครอบครัวที่ยากจนทีละบ้าน

เกา ฉวนกั๋ว ซึ่งเติบโตจากช่างเทคนิคชาวนาเล่าถึงเรื่องราวในสมัยนั้นให้ฟัง โดยพูดถึงสี จิ้นผิง ในขณะนั้นว่าผู้นำคนนี้อายุยังน้อยแต่เข้าใจสภาพการเกษตรและชนบทอย่างแท้จริง เขาถามผมเกี่ยวกับสภาพการผลิตและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในหมู่บ้าน ถามว่าปลูกข้าวลูกผสมเท่าไร พันธุ์อะไร หมู่บ้านมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจอย่างไรหลังจากดำเนินนโยบายว่าด้วยการับเหมาดำเนินการผลิตแล้ว ผมตอบทุกคำถามอย่างจริงจัง การสนทนาในครั้งนั้นกินเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง

หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจงานในหมู่บ้านจวินหยิง สี จิ้นผิงได้ไปที่หมู่บ้านไป๋เจียวฉือ ในช่วงหัวค่ำที่บ้านของหยาง เหวินหวัง ซึ่งเป็นครอบครัวที่ยากจน สี จิ้นผิงถามไถ่ทุกข์สุขกับหยาง เหวินหวัง พูดคุยพลางคนข้าวไปพลาง แต่ด้วยความที่หม้อข้าวนั้นใส่น้ำมากเกินไป ทันทีที่สี จิ้นผิงปล่อยทัพพี มันก็จมหายไปในน้ำข้าวต้มสร้างความอับอายให้กับลุงหยาง แต่สี จิ้นผิงกล่าวกับลุงหยางว่า อย่ากลัวความยากลำบากที่เป็นของชั่วคราวในชีวิต ขอเพียงขยันทำงาน ฟันฝ่าต่อสู้ทีละก้าว ชีวิตจะดีขึ้นอย่างแน่นอน

หลังจากการศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้ สี จิ้นผิงได้ประสานสำนักงานอนุรักษ์น้ำและดินของอำเภอถงอันให้จัดหาต้นอ่อนของลูกพลับไร้เมล็ด ซึ่งเป็นพันธุ์ลูกพลับที่ดีที่สุดในประเทศจีนในเวลานั้นจำนวนหนึ่งให้กับหมู่บ้านจวินหยิง และยังสั่งให้สำนักงานเกษตรอำเภอจัดหาทุนจำนวน 30,000 หยวนจากกองทุนบรรเทาความยากจนมาให้ ต่อมาชาวบ้านจวินหยิงนำเงินก้อนนี้ไปใช้ในการสร้างโรงเรือนและเป็นกรรมสิทธิ์ของหมู่บ้าน ชีวิตที่ดีของหมู่บ้านจวินหยิงเป็นเหมือนต้นอ่อนของลูกพลับไร้เมล็ดเหล่านั้น ซึ่งได้หยั่งราก แตกหน่อ ออกดอกและผลภายใต้การทำงานหนักของบรรดาชาวบ้าน

แปลเรียบเรียงโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน(CMG)

ติดตามตอนก่อนหน้าได้ที่

http://www.tcjapress.com/2023/02/02/xi-way-22/