ผลักดันหมู่บ้านจวินหยิงสู่ความมั่งคั่ง – เส้นทางสีจิ้นผิง(24)

0
7
ภูมิทัศน์ชนบทที่สวยงามของหมู่บ้านจวินหยิง เขตถงอัน เมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน (เอื้อเฟื้อภาพถ่ายจากโดรนโดยสำนักข่าวซินหัวเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมปี 2021)

วันหนึ่งในเดือนกรกฎาคม ปี 1997 เกา ฉวนหยาง ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้อำนวยการคณะกรรมการหมู่บ้านจวินหยิง ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาพร้อมตะโกนเรียก เกา ฉวนกั๋ว ให้ไปที่ทำการหมู่บ้านกับเขา “ท่านรองเลขาธิการสีของคณะกรรมการพรรคประจำมณฑลต้องการพบคุณตอนนี้”  

“รองเลขาธิการสีคนไหน?”

“คนที่เคยมาที่หมู่บ้านของเราเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว คุณเป็นคนที่เขาระบุชื่อว่าต้องการพบ”

ทันทีที่เกา ฉวนกั๋ว ได้ยิน เขารีบซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของเกา ฉวนหยาง โดยในมือยังคงถือจอบและไม่ได้ล้างมือล้างเท้าให้สะอาด

เมื่อพบกัน เกา ฉวนกั๋ว จำ สี จิ้นผิง ได้ในทันที

ในเวลานี้ สี จิ้นผิงดำรงตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลฝูเจี้ยน ถงอันได้ยกระดับจากอำเภอเป็นเขต มณฑลฝูเจี้ยนกำลังอยู่ในช่วงปีสุดท้ายแห่งการขจัดความยากจนสุดขั้วและการบรรลุสังคมพอกินพอใช้ขั้นพื้นฐานในชนบทตามข้อเสนอของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลและรัฐบาลมณฑลฝูเจี้ยน

เมื่อพบกัน สี จิ้นผิง ได้ถามถึงชีวิตส่วนตัวและครอบครัวของเกา ฉวนกั๋ว เขาตอบว่าหลายปีที่ผ่านมาทุกอย่างเป็นไปค่อนข้างดี ลูกบางคนเรียนจบแล้วบางคนยังเรียนอยู่

ในระหว่างการพูดคุยกัน หลังจากรับรู้ว่าพื้นที่ปลูกชาในหมู่บ้านจวินหยิงนั้นเพิ่มมากขึ้นกว่าตอนที่เขาไปในปี 1986 เกือบ 5 เท่า ต้นพลับที่เขาจัดหาให้และปลูกในปีเดียวกันก็เติบโต เป็นป่าพลับขนาด 200 โหม่ว (2.4โหม่วเท่า 1 ไร่) รวมถึงโรงเรือนภายใต้กรรมสิทธิ์ของหมู่บ้านที่สร้างด้วยเงินทุนจากกองทุนบรรเทาความยากจนนั้น เมื่อปล่อยเช่าก็สามารถสร้างรายได้เพิ่มให้แก่ส่วนรวม  8,000 หยวนต่อปี สี จิ้นผิงจึงพูดว่า “งั้นเราไปดูกันหน่อย”

ชาปลูกบนภูเขา บนเนินเขามีลูกพลับ สี จิ้นผิงเห็นแล้วดีใจมาก แต่เมื่อเขาเห็นมียอดภูเขาอื่นๆ อยู่ในสภาพที่ว่างเปล่า สีหน้าของสี จิ้นผิงเปลี่ยนไป เขายืนอยู่ใต้ต้นพลับและพูดว่า “ปลูกชาและปลูกผลไม้ได้มาก แต่อย่าลืมปลูกป่าด้วย ต้องดำเนินการทั้งการบุกเบิกพัฒนาพื้นที่ด้านล่างของภูเขาและการ’สวมหมวก’บนยอดเขา”

เนื่องจากไม่ใช่ฤดูกาลปลูกชา คนหนุ่มสาวจำนวนมากจึงอยู่บ้านเฉยๆ สี จิ้นผิงให้กำลังใจคนหนุ่มสาวว่าต้องก้าวออกจากพื้นที่ภูเขา ไปหางานทำและสร้างธุรกิจจากข้างนอก อย่าได้แต่อยู่ในท้องถิ่นเพื่อปลูกชาอย่างเดียว

หลังจากฟังคำพูดของสี จิ้นผิงแล้ว เกา ฉวนหยางจึงรวบรวมความกล้าพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจ แม้ว่าพื้นที่ปลูกชาจะเพิ่มขึ้นแต่ไม่มีอุปกรณ์เครื่องมือ อีกทั้งชาวไร่ชาไม่เข้าใจเทคนิคและกรรมวิธีการผลิตชาแบบก้าวหน้า ใบชาที่เก็บได้มานั้นเป็นชาดิบทั้งหมด มันจะเน่าเสียภายในไม่กี่วัน ราคาขายจึงไม่เคยเพิ่มสูงขึ้น หากเราสามารถเพิ่มอุปกรณ์ผลิตชา สร้างโรงงานแปรรูปชา สามารถยกระดับคุณภาพของชาให้ดีขึ้น ราคาขายก็จะสูงขึ้นอย่างแน่นอน

สี จิ้นผิง เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เขามอบหมายให้สำนักงานเกษตรของเมืองเซี่ยเหมินรับผิดชอบโครงการนี้ และยังกำชับให้ทางตำบลซึ่งเป็นต้นสังกัดของหมู่บ้านจวินหยิงว่าต้องดำเนินการดึงดูดนักลงทุนจากภายนอกให้มาลงทุนในพื้นที่ภูเขาให้ดี โดยเฉพาะการลงทุนแปรรูปชา

ในไม่ช้ามีเงินทุนสองก้อนจากกองทุนบรรเทาความยากจนได้ถูกจัดสรรให้กับหมู่บ้านจวินหยิง หมู่บ้านจึงได้สร้างโรงงานแปรรูปชา รวมทั้งจัดซื้ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตชารวม 20 รายการ

หลังมีโรงงานแปรรูปและอุปกรณ์ ชาในหมู่บ้านจวินหยิงจะขายได้ในราคา 8 หยวนต่อชั่งเมื่อเทียบกับชาในหมู่บ้านใกล้เคียงขายในราคา 5 หยวนต่อชั่ง (2 ชั่งเท่า 1 กิโลกรัม)  ใบชาทั้งหมดของหมู่บ้านจะถูกรับซื้อโดยโรงงานแปรรูปชา โดย 80% ส่งออกไปยังต่างประเทศ

ชาวบ้านในหมู่บ้านจวินหยิงไม่เคยลืมคำของสี จิ้นผิง ในช่วงหลายปีนี้ นอกจากพวกเขาจะปลูกชาและปลูกผลไม้แล้ว  ยังได้ปลูกป่าไปแล้วกว่า 9,000 โหม่ว (2.4โหม่วเท่า 1 ไร่)

นอกจากนั้นบนพื้นฐานของการปลูกชาเพื่อสร้างรายได้ชาวบ้านที่นี่ได้เริ่มสร้างที่พักแบบโฮมสเตย์ เพื่อให้บริการ”สัมผัสชีวิตในชนบท” ทุ่มเทพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวในชนบทอย่างจริงจัง

หมู่บ้านจวินหยิงในทุกวันนี้เป็นหมู่บ้านสาธิต “หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งผลิตภัณฑ์” ระดับชาติ  หมู่บ้านศิวิไลซ์ระดับชาติ หมู่บ้านพักผ่อนหย่อนใจที่สวยที่สุดแห่งประเทศจีน หมู่บ้านสาธิตการสร้างสรรค์ชนบทที่สวยงามแห่งมณฑลฝูเจี้ยน และหมู่บ้านนิเวศวิทยาแห่งมณฑลฝูเจี้ยน เมื่อปี 2019 ชาวบ้านที่นี่มีรายได้ต่อหัวเกิน 32,000 หยวน

คนหนุ่มสาวจำนวนมากเลือกที่จะออกไปข้างนอก ลูกชายทั้งสามคนของเกา ฉวนกั๋ว ก็ออกจากหมู่บ้าน โดยลูกชายคนโตประกอบธุรกิจการค้าใบชา ครอบครัวมีชีวิตที่ดี

“หากมองในทุกวันนี้ การที่เราสามารถพัฒนาการท่องเที่ยวในชนบทได้ และนักท่องเที่ยวยินดีที่จะมาที่หมู่บ้านจวินหยิงของเราก็เป็นเพราะว่าที่นี่มีน้ำใสและภูเขาเขียว เป็นวิสัยทัศน์อันยาวไกลของท่านเลขาธิการใหญ่ในตอนนั้นได้ปูทางสู่ความมั่งคั่งให้กับหมู่บ้านจวินหยิงในปัจจุบัน” เกา ฉวนหยางกล่าว

แปลเรียบเรียงโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน (CMG)

ติดตามตอนก่อนหน้าได้ที่

http://www.tcjapress.com/2023/02/20/xi-way-23