จีนและฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ร่วมกันเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2566 ภายหลังประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส เดินทางเยือนจีน
แถลงการณ์ร่วมระบุว่า สภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และการต่อสู้กับความเสื่อมโทรมของผืนดิน เป็นลำดับความสำคัญของทั้งจีนและฝรั่งเศส ทั้งสองประเทศให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนข้อเรียกร้องของจีนเพื่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ออกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 และรักษาความทะเยอทะยานระดับสูงภายในกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความตกลงปารีส และกรอบความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลกคุนหมิง-มอนทรีออล
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้รับการยอมรับว่าเป็นความกังวลร่วมกันของมนุษยชาติ ในปี พ.ศ. 2535 โดย 154 ประเทศได้ลงนามในกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่จัดทำกลไกระหว่างประเทศเพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
อนุสัญญาดังกล่าวได้กำหนดหลักการที่เรียกว่า “ความรับผิดชอบร่วมกันแต่แตกต่างกัน (CBDR)” ซึ่งยอมรับว่าประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนามีความสามารถและความรับผิดชอบที่แตกต่างกันในการดำเนินการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ต่อมาในปี 2558 UNFCCC ได้รับรองข้อตกลงปารีส ข้อตกลงดังกล่าวกำหนดเป้าหมายระยะยาว ซึ่งรวมถึง “จำกัดอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นในศตวรรษนี้ให้อยู่ที่ 2 องศาเซลเซียส ในขณะเดียวกันก็พยายามจำกัดอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส”
การมีส่วนร่วมระหว่างจีนและสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเริ่มขึ้นในทศวรรษที่ 1990 ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายที่ลึกซึ้งและเติบโตมากขึ้น ปัญหาสภาพภูมิอากาศจึงค่อย ๆ เข้าสู่ขั้นตอนหลักของความร่วมมือทวิภาคี
ในปี 2562 จีนและฝรั่งเศสได้ออกข้อเรียกร้องปักกิ่งเพื่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ได้ยืนยันความร่วมมือระหว่างประเทศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
China Media Group
