ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า หลังจากที่ พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ฉบับใหม่ พ.ศ.2560 มีผลบังคับใช้ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้วิเคราะห์พบว่ามีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ ศธ.คือมีการปรับคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืม โดยลดกรรมการเหลือ 12 คน จากเดิม 16 คน แต่ได้เพิ่มผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา และปรับปลัด ศธ.จากรองประธานเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง พร้อมทั้งกำหนดให้มีคณะอนุกรรมการกำกับและประเมินสถานศึกษา มีปลัด ศธ. เป็นประธาน ทำหน้าที่กำกับติดตามสถานศึกษาให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข รวมทั้งวิเคราะห์ปัญหาข้อจำกัด และเสนอแนะมาตรการแก้ปัญหา โดยยุบคณะอนุกรรมการบัญชีจ่ายที่ 1 และบัญชีจ่ายที่ 2
ปลัด ศธ. กล่าวอีกว่า ข้อดี พ.ร.บ.กยศ.ฉบับใหม่คือ การเปิดเผยข้อมูล ซึ่งกองทุน กยศ.สามารถขอข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามทวงหนี้ได้ และยังสามารถกำหนดให้กรมสรรพากรแจ้งให้นายจ้างหักเงินผู้กู้ได้ จะทำให้เกิดการชำระหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อมีการชำระหนี้ กยศ.ก็จะมีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้กู้รายใหม่ด้วย หลังจากนี้ก่อนทำสัญญากู้ยืม ผู้กู้จะต้องเซ็นยินยอมให้หักเงินได้ทันทีด้วย ดังนั้น ศธ.ต้องสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับสถานศึกษา ครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา เพื่อรับทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแนะนำการปฏิบัติตัวในระยะก่อนกู้ ระหว่างกู้ และหลังสิ้นสุดการกู้ยืมด้วย เพื่อปลูกผังความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ และการมีวินัย
คลิกอ่าน พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.๒๕๖๐ https://www.studentloan.or.th/public/upload/20173001.pdf
ที่มา : www.thairath.co.th
