นึกไม่ถึงว่า ในบริเวณที่ค่าที่ดินสูงลิบลิ่วภายในถนนรอบวงแหวนที่ 5 ของกรุงปักกิ่ง จะมีสวนสาธารณะที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมคล้ายๆ สวนสวยในเมิงซูโจวอยู่ด้วย สวนแห่งนี้มีชื่อว่าสวนสาธารณะอี๋ว์หยวน(榆园公园)หรือสวนสาธารณะอี๋ว์ซู่จวง(榆树庄) ตั้งอยู่ในหมู่บ้านอี๋ว์ซู่จวงเขตเฟิงไถของกรุงปักกิ่ง เป็นสวนสาธารณะที่คนในหมู่บ้านรวบรวมเงินสร้างขึ้นเอง
สวนระดับหมู่บ้านแห่งนี้เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียวเพราะไม่ใช่สวนที่คนในหมู่บ้านสร้างขึ้นตามใจชอบ หากเป็นผลงานการออกแบบของดร.จี้ หวัยลู่ จากวิทยาลัยสถาปัตยกรรมมหาวิทยาลัยชิงหัว โดยแบ่งออกเป็น 4 โซน อันได้แก่ โซนทะเลสาบ โซนขุนเขา โซนเนินเขา และโซนที่ราบ โดยมีจุดชมวิว 32 จุด
การก่อสร้างสวนอี๋ว์หยวนมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 1998 ทางหมู่บ้านอี๋ว์ซู่จวงได้เริ่มบริหารจัดการหมู่บ้านตามแนวคิดที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คือนำดินที่เหลือจากการพัฒนาเมืองไปถมหลุมต่างๆ ที่ถูกทิ้งร้างไม่ใช้แล้ว จากนั้นก็เริ่มดำเนินการสร้างสวนสาธารณะระบบนิเวศของหมู่บ้านโดยจุดเด่นของสวนสาธารณะแห่งนี้มีดังนี้
1.เป็นสวนสาธารณะที่คนในหมู่บ้านรวบรวมเงินทุนสร้างขึ้นเอง
2.เป็นสถาปัตยกรรมแบบราชวงศ์สุยและราชวงศ์ถัง โดยมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 520,000 ตารางเมตร เมื่อสร้างแล้วเสร็จจะกลายเป็นสวนคลาสสิคแห่งหนึ่งที่มีสถาปัตยกรรมจีนโบราณสไตล์ราชวงศ์สุยและราชวงศ์ถัง ซึ่งสิ่งปลูกสร้างภายในสวนใช้โครงไม้เป็นหลัก โดยไม่มีการลงสีสันใดๆ เพื่อให้เห็นความงามแห่งสีพื้นฐานและลวดลายเดิมของไม้สน
3.มีระบบเก็บน้ำฝนแบบอัจฉริยะ ภายในสวนมีระบบเก็บน้ำฝนแบบอัจฉริยะในพื้นที่ 3.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งน้ำในทะเลสาบล้วนมาจากระบบดังกล่าว เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ ยามหิมะและน้ำแข็งละลายแล้ว ก็จะมีฝูงเป็ด หรือห่าน มาว่ายน้ำหรือหาอาหารกิน บ้างก็เดินเล่นไปมาอยู่ริมทะเลสาบ โดยไม่กลัวคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ยามหน้าร้อน ดอกบัวเบ่งบาน ก็จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเยี่ยมชม โดยเฉพาะบรรดาตากล้องทั้งหลาย ส่วนฤดูหนาว เวลาหิมะตก บรรยากาศของที่นี่ก็สวยงามจนแทบจะหาคำมาพรรณนาไม่ได้
4.มีการปลูกต้นซากุระและต้นที่มีใบไม้สีแดงเป็นหลัก ซึ่งจะพัฒนากลายเป็นพื้นที่สำหรับการชมดอกซากุระที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ภาคเหนือของจีน ส่วนช่วงเวลาการชมไม้สีแดงในฤดูใบไม้ร่วงก็จะนานถึง 2 เดือน โดยจะปลูกต้นซากุระราว 10 สายพันธุ์ เป็นจำนวน 30,000 ต้น โดยซากุระเหล่านี้จะออกดอกในเวลาที่ต่างกัน
(ขอบคุณข่าวจาก http://thai.cri.cn)
