มุ่งสร้างแรงงานไทยแลนด์ 4.0

0
566

กระทรวงแรงงาน จับมือพันธมิตรกว่า 200 แห่ง สร้างแรงงานไทย 4.0

กระทรวงแรงงาน จับมือ สามพันธมิตร รวมกว่า 200 แห่งสร้างแรงงานไทย 4.0 สานพลังประชารัฐ พัฒนาทั้งทักษะด้านเทคโนโลยีชั้นสูงและสร้างแรงงาน Green Jobs นำไปสู่ความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจของประเทศ

พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในการลงนามความร่วมมือทางวิชาการและการพัฒนาฝีมือแรงงานสาขาเทคโนโลยีชั้นสูง ภายใต้โครงการสามพันธมิตร สานพลัง สร้างแรงงานไทย ระหว่าง นายธีรพล ขุนเมือง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน สถานประกอบการ และมหาวิทยาลัย รวมกว่า 200 แห่ง โดยมีหม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติในพิธีลงนามดังกล่าวด้วย วันนี้(24 พ.ค.60) ณ ห้องประชุม จอมพล ป.พิบูลสงคราม อาคารกระทรวงแรงงาน โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า “รัฐบาลมีนโยบายสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปสู่ความเจริญที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านกำลังแรงงาน เพื่อตอบสนองนโยบายดังกล่าว กระทรวงแรงงานจึงได้จัดทำยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านแรงงาน 20 ปี และแผนแม่บทพัฒนากำลังแรงงาน 5 ปี ที่สอดคล้องกับทิศทางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและนโยบายประเทศไทย 4.0 ซึ่งมีเป้าหมายในการพัฒนาแรงงานจาก Man Power ไปสู่พลังปัญญาหรือ Brain Power โดยมีกลไกประชารัฐเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเตรียมความพร้อมด้านทักษะด้านแรงงานให้แก่กำลังแรงงานของประเทศที่จะทำให้การขับเคลื่อนการพัฒนาไปสู่ Brain Power บรรลุผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

พลเอก ศิริชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมภายหลังพิธีลงนามว่า สำหรับความร่วมมือ ภายใต้โครงการ สามพันธมิตร สานพลัง สร้างแรงงานไทย 4.0 มีพันธมิตรทั้งภาคสถานศึกษาและภาคเอกชนมาร่วมลงนามกันในครั้งนี้ รวมกว่า 200 แห่ง ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ มีเป้าหมายร่วมกันที่จะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านแรงงานให้มีทักษะฝีมือสอดคล้องกับความต้องการ มีความรู้ความสามารถ ในการทำงานที่มีความยาก มีความสลับซับซ้อนมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เพื่อเป็นกำลังแรงงานที่มีคุณภาพ ทันต่อการเปลี่ยนแปลง สามารถสนับสนุน การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งมี 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรที่เกี่ยวกับสาขาเทคโนโลยีชั้นสูง อาทิ สาขาโลจิสติกส์ สาขาดิจิทัล ท่องเที่ยวและบริการ แมคคาทรอนิกส์ สาขาเกษตรแปรรูปและอาหาร สาขาไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม เป็นต้น

โดยสถานประกอบกิจการจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี เมื่อมีการพัฒนาทักษะให้แก่พนักงานบริษัทไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และหลักสูตรที่ 2 คือ หลักสูตร Green Jobs ซึ่งเป็นการส่งเสริมระบบทวิภาคีและสหกิจศึกษา เพื่อพัฒนาทักษะแรงงานเพื่อให้เข้าสู่ธุรกิจ Green Jobs ซึ่งงานดังกล่าวจะเป็นการช่วยสร้างเศรษฐกิจและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นำไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต โดยกรอบความร่วมมือครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ที่เข้ารับการพัฒนาด้านทักษะแรงงานทั้งในส่วนของแรงงานในสถานประกอบการและนักศึกษาที่เตรียมพร้อมเป็นแรงงาน 4.0 ประมาณ 100,000 คน  โดยยุทธศาสตร์นี้สอดคล้อง 8 วาระ ปฎิรูปกระทรวงแรงงาน “เพิ่มผลิตภาพแรงงานสู่ ไทยแลนด์ 4.0” โดยเปิดมิติใหม่ในการเชิญสถานประกอบกอบการ และมหาวิทยาลัย 152 แห่ง เข้าร่วมลงนามความร่วมมือ (MOU) กับ กระทรวงแรงงานโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.)เช่น บริษัท เอสซีจี สกิลล์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนู แฟคเจอริ่ง(ประเทศไทย)จำกัด บริษัท บุญถาวร เซรามิค จำกัด บริษัท มิตรผล จำกัด บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย(ท่าหลวง) จำกัด โรงพยาบาลยันฮี มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

“สามพันธมิตร สานพลัง สร้างแรงงานไทย 4.0″่ จะส่งสริมระบบทวิภาคีและสหกิจศึกษา ตลอดจนร่วมมือเพื่อเข้าสู่ธุรกิจ “Green Jobs” ด้วย ซึ่งเป็นงานที่ช่วยสร้างเศรษฐกิจซึ่งจะช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และในที่สุดจะนำไปสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคม ให้แก่องค์กรและประเทศชาติซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ มีประโยชน์อย่างมาก สถานประกอบการจะมีพนักงานที่มีความรู้ความสามารถเพิ่มมากขึ้นในสาขาเทคโนโลยีชั้นสูง และยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามพ.ร.บ.ดังกล่าว ด้านมหาวิทยาลัยจะมีสามารถจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรที่เกี่ยวกับสาขาเทคโนโลยีชั้นสูงให้แก่นักศึกษาของตน เพื่อป้อนสูงตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณรงค์เดช กีรติพรานนท์
คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์(CITE) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณรงค์เดช กีรติพรานนท์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ (CITE) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ หนึ่งในพันธมิตรที่มาร่วมลงนาม MoU ในงานนี้ กล่าวว่า “การผนึกกำลังระหว่างภาครัฐบาล ภาคเอกชน และภาคการศึกษา จะทำให้แรงงานรุ่นใหม่ของไทย มีทักษะและแนวทางในการผลักดันขีดความสามารถของประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น โดยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ไม่เพียงส่งเสริมให้บัณฑิตหรือผู้เข้าอบรมมีทักษะด้านเทคโนโลยีชั้นสูงเท่านั้น แต่ยังสร้างให้ผู้เข้าร่วมตระหนักถึงคุณค่าของตัวเอง ในฐานะกลจักรสำคัญในการผลักดันองค์กรต่อไป”