“อยากเห็นคนจีนมาไทย มีความสุขกลับไปและมาเที่ยวซ้ำได้อีก” ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.

0
257

ยังคงเป็นกระแสและฮิตอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าเวลาผ่านไปไม่มีลดมีแต่เพิ่ม ใช่ค่ะ เรากำลังพูดถึงจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทย หลายคนเปลี่ยนจากการมาเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์เป็นเที่ยวกันเอง ซึ่งสิ่งที่อำนวยความสะดวกให้สามารถเดินทางได้ด้วยตนเอง หนึ่งในนั้นคือการให้บริการด้านภาษาและอำนวยความสะดวกอื่นๆ การมีป้ายเป็นภาษาจีน การมีตำรวจท่องเที่ยวหรืออาสาสมัครที่พูดจีนได้ การทำประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้ความนิยมเที่ยวไทยในจีนไม่เสื่อมคลาย เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านั้นปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากพลังทั้งผลักทั้งดันและทั้งดึงดูดจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สัมภาษณ์พิเศษในครั้งนี้ พบกับท่านผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย – คุณยุทธศักดิ์ สุภสร กับการอัพเดทเรื่องนักท่องเที่ยวชาวจีน การเตรียมพร้อมต้อนรับและรับมือกับคลื่นลูกใหญ่ รวมถึงมุมมองที่ใช้ในการทำงาน

ผู้สื่อข่าว: อันดับแรกอยากให้ท่านพูดถึงสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนเมื่อเทียบกับต่างชาติ

คุณยุทธศักดิ์: ปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติมาประเทศไทยทั้งหมด 32.6 ล้านคนนะครับ มีนักท่องเที่ยวจีนมามากเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ประมาณ 8.8 ล้านคน คิดเป็น 27% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งก็สร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่าสี่แสนล้านบาท

ผู้สื่อข่าว: แล้วเมื่อนักท่องเที่ยวจีนมากขนาดนี้มีอะไรเตรียมไว้บริการบ้างคะ

คุณยุทธศักดิ์: จริงๆนักท่องเที่ยวจีนถือว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพนะครับ เราดูจากอัตราการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อทริปที่มาสูงกว่าระดับทั่วไป ทางททท.เองก็ให้น้ำหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้ง 5 สำนักงาน ททท. ในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นที่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง กว่างโจว และเฉิงตู ก็ทำตลาดคุณภาพ หมายถึงว่าคนที่จะเข้ามาอย่างเช่น นักท่องเที่ยวจีนบางคนจะเข้ามาเล่นกีฬา บางคนอาจจะอยากจะมาในเรื่องของการรักษาตัว นอกเหนือจากการที่มาพักผ่อนหย่อนใจแล้ว บริการพิเศษที่ให้ก็คือการให้ข้อมูลต่างๆเป็นภาษาจีนเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกัน เราก็มีความพยายามที่จะทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่นในจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นเริ่มจุดมุ่งหมายที่คนจีนเริ่มไปมากขึ้น ในการทำป้ายบอกทาง รวมถึงเรื่องการที่จะพัฒนาคุณภาพมัคคุเทศก์หรือไกด์ ให้สามารถที่จะให้บริการที่มีคุณภาพให้กับนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มมากขึ้นครับ

ผู้สื่อข่าว: ประเทศไทยมีสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนประเทศอื่นอย่างไรบ้างคะ

คุณยุทธศักดิ์: จริงๆแล้วเนี่ยนะครับเป็นที่ทราบกันดีเมื่อปีที่แล้วเรามีปัญหาด้านทัวร์ศูนย์เหรียญ (Zero-Dollar Tour) ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนจำนวนหนึ่งลดลงไป พอเราปรับราคาในเรื่องของแพ็คเกจทัวร์ที่เพิ่มสูงมากขึ้น หลายคนก็กังวลใจว่านักท่องเที่ยวจีนจะไม่มารึเปล่าเพราะราคาที่มันสูงไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่น แต่สิ่งที่เรามั่นใจนะครับว่าสิ่งที่ประเทศไทยมีและแตกต่างจากประเทศอื่น แน่นอนที่สุด อันแรกคือคนไทย อัธยาศัย ความเป็นคนไทย ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญ ประกอบกับความสัมพันธ์ซึ่งก็ทราบกันอยู่แล้วว่าคนไทยคนจีนพี่น้องกันก็เป็นความผูกพันลึกซึ้ง ส่วนตรงนี้เองที่ทำให้คนจีนมาประเทศไทย

อันที่สองผมยังเชื่อว่าชายหาด ทะเลของประเทศไทยสวยไม่แพ้ที่ใดในโลก พี่น้องคนจีนชอบทะเล และประเด็นสุดท้ายก็คือเรื่องอาหาร อาหารไทยผมคิดว่าอาหารไทยเราก็ไม่แพ้ชาติใดในโลกเช่นกัน ดังนั้น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนมา แล้วก็ทำให้ประเทศไทยนั้นแตกต่างจากประเทศอื่นครับ

ผู้สื่อข่าว: คุณยุทธศักดิ์มีคติคำคมที่ใช้ในการใช้ชีวิตและการทำงานไหมคะ

คุณยุทธศักดิ์: ในเรื่องของการทำงานผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญนะครับ ผมได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ของประเทศไทยนำมาใช้ในการทำงาน ท่านบอกว่าในการทำงานนั้น “จะต้องไม่เชื่อง่าย ไม่เกรงใจ และก็ไม่สงสาร” เพราะถ้าเราเชื่อง่าย ถ้าเราเกรงใจและถ้าเราสงสาร เกิดสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาก็จะนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่ถูกต้อง การทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ผมยึดแนวคิดดังกล่าวมาใช้ในการทำงานตลอดครับ

ผู้สื่อข่าว: ททท. มีบทบาทเสริมด้านความสัมพันธ์ไทย-จีนในด้านการท่องเที่ยวอย่างไรบ้างคะ

คุณยุทธศักดิ์: สำหรับบทบาทของ ททท. ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทยจีนนะครับ ที่ผมเรียนในตอนต้นแล้วว่าคนจีนเนี่ย นอกจากความสัมพันธ์ทางด้านเชื้อชาติ เป็นพี่เป็นน้องกันแล้ว คนจีนเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ แต่เราอยากจะเห็นคนจีนมาเมืองไทยแล้วมีความสุขจะกลับไปและสามารถที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวซ้ำได้อีก ดังนั้น ททท. เองก็ได้ร่วมมือการทำงานกับทางรัฐบาลจีนไม่ว่าจะเป็น CNTA (China National Tourism Administration หรือหน่วยงานที่อยู่ในส่วนของทางรัฐบาลจีนดูแลเรื่องการท่องเที่ยวของจีน ปัจจุบันมีอยู่ 20 สำนักงานใน 15 ประเทศทั่วโลก) ในการส่งเสริมทัวร์คุณภาพ การให้ข้อมูลข่าวสารเพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาประเทศไทยอย่างมีความสุข

ขณะเดียวกันก็ทำงานร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมจีนเหมือนกัน เช่น การจัดคาราวานจากจีนลงมาเพื่อที่จะช่วยเผยแพร่การเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งปีนี้เองก็จะขยายในประเทศอาเซียนด้วย น่าจะเป็นส่วนหนึ่ง (และสองคล้องกับ) โครงการตามนโยบายของสีจิ้นผิงจู่สี (ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง) ในเรื่องของ One Belt One Road นะครับ มันไม่เพียงเป็นการเชื่อมประเทศแต่เป็นการเชื่อมโหมดทางการท่องเที่ยวระหว่างประเทศจีนแล้วก็ประเทศอื่นในอาเซียนด้วย

ประเด็นต่อมาก็คือ เราก็มีการร่วมมือกับกระทรวงวัฒนธรรมจีนอีกเช่นกันในการจัดงานเทศกาลตรุษจีนประจำปีที่ประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นงานตรุษจีน งานสำคัญของพี่น้องคนจีนที่ใหญ่ที่สุดนอกแผ่นดินจีน โดยเราก็ทำต่อเนื่อง ปีที่แล้วเราทำเรื่องของอาหาร ดังนั้น 2 โครงการนี้รวมทั้งความสัมพันธ์ก็คงจะแนบแน่นต่อไปภายใต้ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศจีนภายใต้การทำงานของ ททท.

ผู้สื่อข่าว:  ปีนี้คาดว่ามีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยเท่าไหร่

คุณยุทธศักดิ์: สำหรับปีนี้ก็คงคิดว่านักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นไม่น้อยไปกว่าปีที่ผ่านมานะครับ ตัวเลขที่คาดการณ์ไว้อยู่ที่ประมาณ 9 – 9.5 ล้านคนนะครับ

สำหรับตัวเลขคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวจีนของปีหน้าซึ่งเป็นทั้งความหวังและเป้าหมายท้าทายที่ ททท. จะต้องพยายามพิชิตให้ได้นั้น ท่านผู้ว่าฯ ททท. ตอบยิ้มๆว่า “ปีหน้าผมก็คงอยากจะเห็นตัวเลขสัก 10 ล้าน” ก่อนจะกล่าวสวัสดีอำลาเพื่อขอตัวไปทำงานและวางแผนต่อเพื่อทาง ททท. จะได้ตีเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้แตกกระจุยทั้งของปีนี้และปีต่อๆไป

เรียบเรียงและรายงาน: อรอนงค์ อรุณเอก 林敏儿
ภาพ: พันธสัญญา โชติธนพุทธิพงษ์