แพทย์ด่านหน้าแนะประสบการณ์ปราบโควิดสายพันธุ์เดลต้าในจีน

0
7

แพทย์ด่านหน้าแนะประสบการณ์ปราบโควิดสายพันธุ์เดลต้าในจีน

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าระลอกล่าสุดในจีน ซึ่งมีต้นตอจากสนามบินระหว่างประเทศในเมืองหนานจิง เมืองเอกมณฑลเจียงซูและได้ลุลามไปยัง 48 เมืองใน 18 มณฑล เขตปกครองตนเอง และนครที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางอย่างรวดเร็วนั้นหลังจากเวลาผ่านไปราว 1 เดือน จีนสามารถควบคุมโควิดระลอกนี้ให้อยู่หมัดได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว นับเป็นความสำเร็จอีกครั้งของจีนในการต่อสู้กับมหันตภัยโรคร้ายโควิด-19

เหตุใดจีนถึงปราบโควิดให้อยู่หมัดได้ ? ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีนได้สัมภาษณ์แพทย์ด่านหน้า

ชิว ไห่โป แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉินจากมณฑลเจียงซู ผู้ร่วมต่อสู้กับโรคโควิดใน 10 กว่าเมืองของจีน ซึ่งรวมถึงเมืองอู่ฮั่นด้วย เล่าว่าการระบาดล่าสุดนี้ เขาได้เข้าร่วมทีมรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในโรงพยาบาลประชาชนที่ 3 เมืองหยางโจว มณฑลเจียงซู ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา และเห็นว่าสาเหตุที่จีนจัดการเรื่องโควิดได้ค่อนข้างดีนั้นเป็นเพราะมาตรการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่

1). ล็อกเป้ากลุ่มคนที่ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งแสดงอาการและไม่แสดงอาการ ได้จากการลุยตรวจกรดนิวคลีอิกอย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถควบคุมต้นตอการแพร่ระบาดของเชื้อได้

2). ดำเนินการล็อกดาวน์เขตชุมชนอย่างจริงจังและรวดเร็ว นำไปสู่การตัดห่วงโซ่การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

3).สำหรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 จีนจะส่งไปรักษาในโรงพยาบาลท้องถิ่นที่ดีที่สุดโดยเร็ว ควบคู่ไปกับการระดมกำลังบุคลากรทางการแพทย์จากทั่วประเทศเพื่อดำเนินการรักษาช่วยเหลือผู้ป่วยให้ฟื้นฟูเป็นปกติ

แพทย์ชิว ไห่โป ยังกล่าวว่า หลังผ่านการระบาดใหญ่ระลอกอู่ฮั่น เป็นต้นมา จีนใช้เวลาสั้นลเรื่อยๆ ในการรับมือกับการระบาดระลอกใหม่แต่ละครั้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการรวมพลังอันเข้มแข็งแห่งชาติจีนในการป้องกันควบคุมโรคระบาด อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อสุขภาพและชีวิตประชาชนของพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลจีน โดยให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทุกรายฟรีอย่างเต็มกำลังความสามารถ

สำหรับการระบาดโควิดระลอกหนานจิง ครั้งนี้ หยางโจวเป็นเมืองที่มีสถานการณ์รุนแรงที่สุด  ครองสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดจำนวนกว่า 1,280 ราย และสัดส่วนผู้ป่วยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปซึ่งส่วนมากมีโรคประจำตัวมากถึง 40% จึงมีสัดส่วนผู้ป่วยอาการหนักมากกว่าเมืองอื่นๆอย่างชัดเจน

แพทย์ชิว ไห่โปกล่าวกับผู้สื่อข่าวอีกว่าในการรักษาช่วยเหลือผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในเมืองหยางโจวครั้งนี้ พวกเขาได้ยึดหลัก 3 ประการคือ 1).ส่งผู้มีผลตรวจกรดนิวคลีอิกเป็นบวกไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ 2).ทำการประเมินอาการทั้งจากโรคติดเชื้อโควิดและโรคประจำตัวโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทันทีที่ผู้ป่วยถูกส่งถึงโรงพยาบาล และ 3).ทำการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและเร็วที่สุดทั้งโรคติดเชื้อโควิดและโรคประจำตัว   ผลการรักษาซึ่งเน้นความเร็ว ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามาตรการดังกล่าวได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

เท่าที่ทราบ นับตั้งแต่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เมื่อปีค.. 2020 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มณฑลเจียงซูยังสามารถรักษาสถิติตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เป็นศูนย์ไว้ได้

และเป็นที่น่าสังเกตว่า การแพทย์แผนจีนนับวันถูกนำมาใช้รับมือกับโรคโควิด-19 มากยิ่งขึ้นอย่างครบวงจรทั้งด้านการป้องกัน การรักษาพยาบาล และการดูแลสุขภาพ เช่น ในการรับมือกับสถานการณ์โควิดของเมืองหนานจิงและเมืองหยางโจวครั้งนี้  อัตราการใช้แพทย์แผนจีนในการรักษาพยาบาลและฟื้นฟูสุขภาพสูงถึง 100% ครอบคลุมผู้ป่วยตั้งแต่วัยทารกแรกเกิด 4 เดือน จนถึงผู้สูงวัยอายุเกิน 90 ปี สถานพยาบาลในหลายพื้นที่ได้จัดคณะแพทย์แผนจีนและคณะแพทย์แผนตะวันตกรวม 2 คณะประสานงานกันอย่างครบวงจรในการรักษาช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19

อนึ่ง จงหนานซาน ผู้เชี่ยวชาญชื่อดังด้านโรคระบบทางเดินหายใจ และได้รับมอบรางวัลสูงสุดของจีนเหรียญเกียรติภูมิแห่งสาธารณรัฐ ด้วยผลงานอันโดดเด่นโดยเฉพาะผลงานด้านการป้องกันควบคุมโรคซาร์สและโรคโควิด-19 ได้ให้ข้อมูลและแสดงมุมองเกี่ยวกับเรื่องโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ผลการศึกษาวิจัยการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตระลอกกวางโจว พบว่าอัตราการคุ้มครองโดยรวมในการรับมือกับเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาของวัคซีนชนิดเชื้อตายของจีนนั้นอยู่ในระดับใกล้ 60%  ส่วนอัตราการคุ้มครองผู้ป่วยอาการหนักอยู่ที่ระดับ 100%  ซึ่งพิสูจน์ว่า แม้วัคซีนจีนเช่นวัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิผลลดลงบ้างในการรับมือกับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต แต่ยังคงมีผลมาก  ข้อมูลล่าสุดยืนยันว่าการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายเข็มที่ 3 ในเวลาห่างจากการฉีดวัคซีนชนิดเดียวกันแล้ว 2 โดส ระดับแอนติบอดีจะเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า

จงหนานซานให้ความเห็นว่า จีนจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ก็ต่อเมื่อประชากรกว่า80% ได้เสร็จสิ้นการรับวัคซีนแล้ว คาดว่าจีนจะบรรลุเป้าหมายนี้ได้ก่อนสิ้นปีนี้

เขียนและเรียบเรียงโดย Lu Yongjiang

เจ้าหน้าที่ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน