จีนรับมือโควิด-19 ระลอกใหม่อย่างไร?

0
5

จีนรับมือโควิด-19 ระลอกใหม่อย่างไร?

ตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2021 เป็นต้นมา สถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลกได้เข้าสู่ช่วงรุนแรงของการแพร่ระบาดระลอกที่สี่ โดยมีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่มากกว่า 10 ล้านรายต่อสัปดาห์ติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 10 สัปดาห์แล้ว ปัจจุบันการแพร่ระบาดยังคงอยู่ในขั้นรุนแรง

ภายใต้สถานการณ์โดยรวมเช่นนี้ ตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้เป็นต้นมา ความถี่ของการระบาดในจีนเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัด จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และขอบเขตของการติดเชื้อขยายวงกว้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชนิดของไวรัสส่วนใหญ่เป็นไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอน

ข้อมูลสถิติระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 21 มีนาคมที่ผ่านมา ในแผ่นดินใหญ่ของจีนมีการรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 41,000 ราย การระบาดลุกลามครอบคลุม 28 เขตบริหารระดับมณฑล

การวิเคราะห์และตัดสินโดยผู้เชี่ยวชาญที่ดำเนินการโดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนระบุว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ในขอบเขตทั่วโลกระลอกปัจจุบันกำลังอยู่ในระดับรุนแรง ทั้งยังจะไม่สิ้นสุดในระยะเวลาอันใกล้ ประเทศจีนจะยังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ในช่วงระยะเวลาเดียวกันอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์การป้องกันและควบคุมโรคระบาดนับวันทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ในโลกได้เลือกที่จะ “อยู่ร่วมกับโควิด-19” การที่จีนจะบริหารจัดการกับการระบาดที่ซัดกระหน่ำมาอย่างรุนแรงระลอกใหม่นี้อย่างไรจึงเป็นที่จับตามองอย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ

ทีมนำสูงสุดของจีนตอบสนองอย่างทันท่วงที เมื่อวันที่ 17 มีนาคม คณะกรรมการประจำสำนักการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้จัดการประชุมเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และวางนโยบายในการรับมือ โดยมีนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเป็นประธานการประชุมและกล่าวคำปราศรัยสำคัญว่า “ต้องยืนหยัดการถือประชาชนสำคัญที่สุดและการถือชีวิตสำคัญที่สุดโดยตลอด ยืนหยัดที่จะดำเนินการอย่างแม่นยำและถูกหลักวิทยาศาสตร์ ดำเนินการควบคุมให้เหลือศูนย์ เพื่อยับยั้งแนวโน้มการแพร่ระบาดและลุกลามของโรคโควิด-19 โดยเร็วที่สุด”

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม กลไกปฏิบัติงานเพื่อร่วมป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 แห่งคณะรัฐมนตรีจีนได้จัดงานแถลงข่าว เพื่อตอบสนองประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมโรคระบาด

การป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากและสำคัญที่สุด

“ปัจจุบันกำลังเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด” นายหมี่ เฟิง โฆษกคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนกล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สถานการณ์การป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดยังคงหนักหน่วงและสลับซับซ้อน จำเป็นต้องใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อยับยั้งแนวโน้มการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

นายเหลย เจิ้งหลง รองอธิบดีกรมป้องกันและควบคุมโรคของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนกล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดในทั่วประเทศอยู่ในขั้นรุนแรง การป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดปรากฏลักษณะพิเศษที่มีความซับซ้อน หนักหน่วง และซ้ำซาก

โดยเฉพาะมณฑลจี๋หลิน สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 กำลังอยู่ในระยะขาขึ้นในระดับสูง ตั้งแต่วันที่ 14 – 22 มีนาคม จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในมณฑลจี๋หลินเกิน 1,000 รายต่อวันติดต่อกันเป็นเวลา 8 วันแล้ว การแพร่ระบาดส่วนใหญ่กระจุกตัวในเมืองจี๋หลินและเมืองฉางชุน ความเสี่ยงของการแพร่กระจายทางสังคมในทั้งสองเมืองนี้ยังคงมีอยู่

“หากมองจากทั่วโลก สถานการณ์โรคโควิด-19 ยังคงอยู่ในช่วงการระบาดใหญ่ ประเทศเรายังคงเผชิญกับความกดดันในการป้องกันการนำเข้าไวรัสโควิด-19 จากต่างประเทศ” นายเหลียง วั่นเหนียน หัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญสังกัดทีมนำการปฏิบัติงานรับมือและบริหารจัดการสถานการณ์โรคระบาดของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนกล่าวว่า ในช่วงเวลาไม่นานที่ผ่านมา สถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศได้ปรากฏแนวโน้มที่เกิดโรคระบาดในหลายพื้นที่ในวงกว้างและบ่อยครั้ง การป้องกันการลุกลามภายในประเทศก็เป็นภารกิจที่สำคัญเช่นกัน

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม กลไกปฏิบัติงานเพื่อร่วมป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 แห่งคณะรัฐมนตรีจีนได้ส่งทีมตรวจตราไปยัง 10 เขตบริหารระดับมณฑลเพื่อเร่งรัดให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขโดยพิจารณาจากปัญหา พร้อมกันนี้ คณะทำงานที่จัดส่งโดยทีมอเนกประสงค์สังกัดกลไกปฏิบัติงานเพื่อร่วมป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 แห่งคณะรัฐมนตรีจีนจะปฏิบัติงานแนะแนวการป้องกันการแพร่ระบาดในพื้นที่ที่เกิดโรคระบาดต่อไป เพื่อตัดขาดการระบาดในชุมชนโดยเร็วที่สุด .

เหลียง วั่นเหนียนกล่าวว่า ประเทศจีนมีพื้นฐานและเงื่อนไขพร้อมในการควบคุมโควิด-19 ให้เหลือศูนย์ เบื้องหน้าความกดดันจากการนำเข้าไวรัสโควิด-19 จากภายนอกและสถานการณ์การแพร่กระจายภายในประเทศที่ซับซ้อน ซ้ำซาก และหนักหน่วง ควรยืนหยัดแนวนโยบายหลักแห่งการควบคุมโควิด-19 ให้เหลือศูนย์อย่างแน่วแน่ไม่สั่นคลอน

ยกระดับความแม่นยำการป้องกันและควบคุมการระบาดด้วยมาตรการต่างๆ

เพื่อยกระดับความแม่นยำและประสิทธิผลของการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่นี้อีกระดับ กลไกปฏิบัติงานเพื่อร่วมป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 แห่งคณะรัฐมนตรีจีนได้ดำเนินมาตรการต่างๆ  เช่น การออก “คู่มือปฏิบัติการจัดการตรวจทดสอบกรดนิวคลีอิกไวรัสโควิด-19 ในภูมิภาค (ฉบับที่สาม)”  การดำเนินกลยุทธ์ “การตรวจทดสอบแอนติเจน + กรดนิวคลีอิก”  การชี้นำท้องที่ต่างๆดำเนินการสร้างโรงพยาบาลสนามให้ดี และอื่นๆ

“แก่นแท้ของความแม่นยำคือตัวอักษรจีนสี่คำ คือ รวดเร็วและได้ผล” เหลียง วั่นเหนียนกล่าวว่าต้องส่งเสริมให้ท้องที่ต่างๆใช้มาตรการป้องกันและควบคุมที่แม่นยำตามสภาพและเงื่อนไขที่แตกต่างกันของท้องถิ่น เพื่อใช้ต้นทุนขั้นต่ำสุดแลกมาซึ่งผลประโยชน์ทางสังคมและเศรษฐกิจสูงสุดในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ใน “คู่มือปฏิบัติการจัดการตรวจทดสอบกรดนิวคลีอิก” เวอร์ชันใหม่ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ได้เปลี่ยนขอบเขตการทดสอบกรดนิวคลีอิกจาก “ทุกคน” เป็น “บางพื้นที่”  โดยกำหนดไว้ว่าภายหลังเกิดการแพร่ระบาด เมืองต่างๆซึ่งรวมถึงเมืองขนาดใหญ่พิเศษที่มีประชากรถาวรในเขตเมืองมากกว่า 10 ล้านคน ควรดำเนินการตรวจกรดนิวคลีอิกในพื้นที่กำหนดให้เสร็จสิ้นภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนขนาดของพื้นที่ทำการตรวจนั้นให้กำหนดตามความต้องการของการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด

เมื่อเร็ว ๆ นี้ มณฑลจี๋หลินได้ใช้มาตรการ “การตรวจแอนติเจน + กรดนิวคลีอิก” ซึ่งได้รับประสบการณ์ที่ค่อนข้างดี เหลียง วั่นเหนียนแนะนำว่า การใช้มาตรการตรวจกรดนิวคลีอิกและแอนติเจนร่วมกันนั้น ช่วยให้ขีดความสามารถในการตรวจทดสอบเข้มแข็งยิ่งขึ้น ขอบเขตการตรวจทดสอบกว้างยิ่งขึ้น และความเร็วในการค้นพบบุคคลที่ต้องสงสัยว่าติดเชื้อเร็วยิ่งขึ้น เขาเน้นว่าผลบวกจากการทดสอบแอนติเจนยังไม่สามารถวินิจฉัยผู้ติดเชื้อได้  ต้องทำการทดสอบกรดนิวคลีอิกอีกครั้งเพื่อยืนยันผล

เพื่อชี้นำท้องที่ต่างๆดำเนินการสร้างโรงพยาบาลสนามได้ดียิ่งขึ้น กลไกปฏิบัติงานเพื่อร่วมป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 แห่งคณะรัฐมนตรีจีนได้ออกระเบียบว่าด้วยการจัดตั้งและบริหารจัดการโรงพยาบาลสนาม โดยกำหนดให้แต่ละมณฑลต้องมีโรงพยาบาลสนามอย่างน้อย 2 – 3 แห่ง

“ปัจจุบันทั่วประเทศมีโรงพยาบาลสนามที่สร้างเสร็จแล้วหรือกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างรวม 33 แห่ง กระจายอยู่ใน 19 เมือง ใน 12 เขตบริหารระดับมณฑล มีจำนวนเตียงรวม 35,000 เตียง” นางเจียว หย่าฮุย อธิบดีกรมบริหารการแพทย์และโรงพยาบาลของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนแนะนำว่า โรงพยาบาลสนามที่สร้างเสร็จแล้วกำลังขยายบทบาทในการรับรักษาผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการหรือผู้ป่วยที่ไม่รุนแรงได้อย่างรวดเร็ว

รักษา “ฐานที่มั่นแนวหน้า” การป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19

การป้องกันและควบคุมโรคระบาดในชุมชนเป็นพื้นฐานและ “ฐานที่มั่นแนวหน้า” ของการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19

เหลียง วั่นเหนียนแนะนำว่า ในช่วงเวลากว่า 2 ปีนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นต้นมา การป้องกันและควบคุมโรคระบาดในชุมชนได้แสดงบทบาทที่สำคัญ แต่ก็ควรสังเกตด้วยว่าเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การป้องกันและควบคุมในชุมชนก็ได้ปรากฏช่องโหว่บางประการ ซึ่งมีการแสดงออกที่สำคัญดั่งเช่น การขาดความระมัดระวังทางความคิดและจิตสำนึก การขาดตกบกพร่องในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุม การขาดความแม่นยำที่เพียงพอในการดำเนินมาตรการบริหารจัดการ ควบคุมและเข้าแทรกแซงการป้องกันและควบคุมโควิด-19 ของชุมชน โดยมัก “จัดการปัญหาแบบตายตัว” หรือ “ให้น้ำแบบปล่อยท่วม”

“ในกระบวนการดำเนินการป้องกันโรคระบาดในชุมชนนั้น ต้องเน้นหนักในเรื่องความอบอุ่น ต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้าน” เหลียง วั่นเหนียนกล่าวว่า ต้องยกระดับความตระหนักรู้ในความสำคัญของการป้องกันและควบคุมโรคระบาดในชุมชนอย่างแท้จริง กำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบระดับชุมชนอย่างแน่นหนา ตลอดจนเสริมสร้างมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด การประชาสัมพันธ์นโยบาย และการฝึกอบรมบุคลากรด้านการป้องกันและควบคุมโรคระบาดในชุมชน

เหลียง วั่นเหนียนกล่าวว่า เมื่อเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดที่ซับซ้อนและหนักหน่วง ประชาชนทุกคนก็ต้องขจัดความคิดเสี่ยงโชคและความประมาท หลีกเลี่ยงการเกิดความเข้าใจผิด เช่น การประเมินอันตรายของสายพันธุ์โอมิครอนต่ำไป

การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างแข็งขันเป็นวิธีที่ได้ผลในการป้องกันโรคระบาดส่วนบุคคล ข้อมูลระบุว่านับถึงวันที่ 21 มีนาคม ปี 2022 จำนวนผู้ที่เสร็จสิ้นกระบวนการฉีดวัคซีนครบโดสในประเทศจีนรวมแล้วเกิน 1,240 ล้านคน คิดเป็น 87.98% ของประชากรทั่วประเทศ

แปลเรียบเรียงโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน(CMG)