16 ตุลาคม 2565 โลกจับตาการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20
วันที่ 16 ตุลาคม 2565 ถือเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของจีน เนื่องจากจะมีการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 มีระยะเวลาการประชุมประมาณ 1 สัปดาห์ โดยมีสมาชิกพรรค 2,296คน เข้าร่วมการประชุมแบบปิดที่มหาศาลาประชาชน บริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมิน กรุงปักกิ่ง
ปกติการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะจัดขึ้นทุก 5 ปี โดยการประชุมครั้งนี้มีความสำคัญและเป็นที่จับตาอย่างมาก เพราะมีการคาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธาธิบดีเป็นสมัยที่ 3 ครองตำแหน่งต่อเนื่อง 15 ปี ถือว่ายาวนานที่สุด นับตั้งแต่มีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน และน่าจะดำรงตำแหน่ง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน และประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางเช่นเดิม
โดยในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ยังจะมีการวางตัวคณะกรรมการกรมการเมือง และคณะกรรมการบริหารสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์ในตำแหน่งที่ว่างลง และคาดว่าอาจจะมีการพิจารณาผู้ที่จะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีแทนนายหลี่ เค่อ เฉียง ที่จะเกษียณอายุในเดือนมีนาคม 2566 ด้วย
ปี 2565 นี้เป็นปีที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนก่อตั้งครบ 101 ปี เข้าสู่การบริหารประเทศในศตวรรษที่ 2 โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนกำหนดเป้าหมายการบริหารประเทศ ด้วยการสร้างจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ที่ยิ่งใหญ่ในทุกด้านในแบบฉบับของจีน การประชุมครั้งนี้จึงน่าจะมีการทบทวนความสำเร็จที่ผ่านมา และกำหนดแนวทางการบริหารประเทศในอีก 5 ปีต่อไป
รองศาสตราจารย์ ดร. ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “สิ่งที่ต้องจับตาจากการประชุมครั้งนี้ คือหลังจากการประชุม จะมีการผ่อนคลายนโยบาย Zero-Covid หรือไม่ อย่างไร โดยคาดว่าน่าจะมีการค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 นอกจากนี้ โครงการหลายโครงการจะเดินหน้าต่อ เช่นโครงการเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 (BRI) ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ขับเคลื่อนนโยบายเรื่องนี้ต่อเนื่องมา 2 วาระ พอถึงวาระที่ 3 จีนมีแนวโน้มที่จะดำเนินโครงการBelt and Road initiative ให้เป็นโครงการที่มีคุณภาพสูงขึ้น ยั่งยืนขึ้น เรียกว่า Global Development Initiative ซึ่งในการประชุมสมัชชาใหญ่ฯ ครั้งนี้น่าจะมีความชัดเจนขึ้น รวมถึงเรื่องที่จีนจะขับเคลื่อนโครงการระดับโลกเรียกว่า ความริเริ่มทางด้านความมั่นคงระดับโลก (Global Securities Initiative) ที่จีนใช้เป็นเครื่องมือหลัก หรือเรือธง นำพาเศรษฐกิจจีนต่อไป”
ดังนั้น การประชุมครั้งนี้จึงเป็นการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งประวัติศาสตร์ที่มีความหมายอย่างมากต่อการกำหนดทิศทางและขับเคลื่อนประเทศทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม สิ่งแวดล้อม ที่ทำให้จีนไปสู่เป้าหมายใหญ่ในการเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลของโลกในทุกมิติ
บทความโดย ประวีณมัย บ่ายคล้อย