สี จิ้นผิง สร้างจีนให้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร

0
1

สี จิ้นผิง สร้างจีนให้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร

ในประวัติศาสตร์การเมืองของจีน  สี จิ้นผิง ถือเป็นผู้นำของจีนอีกท่านหนึ่ง ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศจีนเป็นอย่างมาก รองศาสตราจารย์ ดร. สมชาย ภคภาสวิวัฒน์ นักวิชาการด้านการเมืองระหว่างประเทศ วิเคราะห์ถึงความสำเร็จของจีนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ว่า

สี จิ้นผิง  ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวสต์จีนเมื่อปีค.ศ. 2012  กว่าจะถึงจุดนี้  สี จิ้นผิง เคยทำงานและใช้ชีวิตในชนบท ฝ่าฟันความลำบาก และใช้เวลากว่า 40 ปี ดำรงตำแหน่งต่างๆ ภายในพรรคจนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด  ในด้านการศึกษา สี จิ้นผิง เป็นผู้ที่ความรู้ครบครัน จบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยชิงหวา  มหาวิทยาลัยชั้นนำของจีนและได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด 1 ใน 10 ของโลก

เมื่อดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน สี จิ้นผิง เป็นผู้ที่เรียนรู้จากประวัติศาสตร์  มองอดีตที่ผ่านมาและกำหนดวิสัยทัศน์ที่จะทำให้จีนยิ่งใหญ่ ภายใต้ระบอบสังคมนิยมและพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ในปีค.ศ.2013 มีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ “จงกั๋วเมิ่ง” ความฝันของจีน ในการทำให้ประเทศจีนยิ่งใหญ่และมีบทบาทในระดับโลก

มีการกำหนดหมุดหมายที่สำคัญ ได้แก่

ปี ค.ศ. 2021 ในโอกาสครบรอบ 100 ปี การจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน  ประเทศจีนต้องไม่มีคนยากจน GDP ต่อหัวของประชากรในปี 2021 ต้องเป็น 2 เท่าจากเมื่อ 10 ปีก่อน

ปี ค.ศ. 2025  นโยบาย Made in China 2025 เป็นยุทธศาสตร์ที่มุ่งพัฒนาจีน เป็นประเทศการผลิตที่แข็งแกร่ง เปลี่ยนรูปแบบการผลิตจากเน้นปริมาณสู่การผลิตที่เน้นคุณภาพ ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการผลิต

ปีค.ศ. 2049 ในโอกาสครบรอบ 100 ปี การก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน  จีนจะเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับโลก  และจะเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในทุกมิติ

ในการบริหารพรรคประเทศ สี จิ้นผิง ยังมีนโยบายปราบปรามการทุจิตอย่างจริงจัง กับยุทธการ “ปราบเสือ   ตีแมลงวัน (Killing Tigers, Swatting Flies) ที่กวาดล้างผู้ทุจริตทั้งตัวใหญ่ ตัวเล็ก

นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญเรื่องการต่างประเทศ เพื่อให้จีนเป็นอภิมหาอำนาจ ยืนอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญของโลก ด้วยการดำเนินนโยบายต่างประเทศเชิงรุก ใช้แนวคิดสร้างประชาคมโลกที่มีทิศทางเดียวกันด้วยความร่วมมือซึ่งกันและกัน

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในทศวรรษที่ผ่านมา  เพราะสี จิ้นผิง มีความมุ่งมั่น มีเป้าหมายชัดเจน และมีลักษณะความเป็นผู้นำที่สร้างการเปลี่ยนแปลง (transformative leadership) ดังที่ประธานาธิบดีสิงคโปร์ ลี กวน ยู ของสิงคโปร์ เคยกล่าวว่า “ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีหัวใจเป็นเหล็ก” นั่นคือ เป็นผู้นำที่มีเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว กล้าคิด กล้าทำ จนทำให้จีนเป็นจีนที่ทันสมัย สร้างความยิ่งใหญ่ทั้งในและนอกประเทศได้สำเร็จ

เรียบเรียงบทสัมภาษณ์  : ประวีณมัย บ่ายคล้อย