ขับเคลื่อนบทบาทที่สร้างสรรค์ของพรรคในสายตาประชาชน -เส้นทางสีจิ้นผิง (13)

ในช่วงหนึ่งของการทำงานในฐานะเลขาธิการพรรคฯ ที่เมืองเจิ้งติ้ง นายสี จิ้นผิง ได้สังเกตเห็นความสัมพันธ์ของชาวบ้านและเจ้าหน้าที่รัฐที่ดูเหมือนจะไม่ลงรอยกัน วันหนึ่งในเดือนกรกฎาคมปี 1983 รถจี๊ปคันที่นายสี จิ้นผิง และเจ้าหน้าที่อีกสองสามคน นั่งไปเกิดติดหล่ม โดยเจ้าหน้าที่ขอร้องให้ชาวบ้านคนหนึ่งที่ผ่านมาช่วยเข็นรถ แต่เมื่อชาวบ้านเห็นว่าพวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่ทางการก็ปฏิเสธและเดินจากไปซ้ำยังพูดจาไม่ดีลับหลัง เมื่อเจ้าหน้าที่ผู้ติดตามเห็นก็แสดงทีท่าไม่พอใจกับชาวบ้านคนนั้น  นายสี จิ้นผิง ซึ่งอยู่ข้างๆ รีบคว้าตัวเขาไว้แล้วพูดว่า “เราควรพิจารณาตัวเราเองนะว่าทำไมชาวบ้านถึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้กับเรา”

นอกจากเหตุการณ์ดังกล่าว ในเดือนเดียวกันที่อำเภอเจิ้งติ้งได้ออกกฎอย่างชัดเจนว่าห้ามโค่นหรือทำลายต้นไม้ในพื้นที่ทำไร่ไถนาเพื่อปรับปรุงระบบรับเหมาการผลิตในครัวเรือนให้ดียิ่งขึ้น แต่มีเจ้าหน้าที่บางคนที่มีอำนาจจากหมู่บ้านเจ้าชุนในคอมมูนหลิวชุนไม่สนใจคำสั่งดังกล่าว เจ้าหน้าที่บางคนได้วางแผนตัดต้นไม้อย่างเปิดเผย เมื่อผู้บริหารของหมู่บ้านได้รับทราบนอกจากจะไม่ห้ามปรามหรือรายงานต่อระดับบนแล้วยังพาพรรคพวกและเครือญาติให้มีส่วนร่วมในการตัดโค่นต้นไม้ด้วย เฉพาะครอบครัวของหวัง ซินถัง เลขาธิการพรรคประจำหมู่บ้าน ครอบครัวเดียวได้รับส่วนแบ่งต้นไม้ถึง 20 ต้น ประชาชนรู้สึกโกรธแค้นในเรื่องนี้มากต่างพากันด่าเจ้าหน้าที่ผู้กระทำผิดว่าเป็นผู้บั่นทอนระบบสังคมนิยม

วันที่ 16 กรกฎาคม คณะกรรมการพรรค รัฐบาล หน่วยงานรักษาความสงบเรียบร้อยและหน่วยงานตุลาการของอำเภอเจิ้งติ้งได้จัดประชุมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้เพิกถอนตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำหมู่บ้านเจ้าชุนของหวัง ซินถัง และไล่เขาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค หน่วยงานรักษาความสงบเรียบร้อยจับกุมเขาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องคนอื่น ๆ ไปลงโทษตามกฎหมาย

หลังจากนั้น 1 เดือน ที่อำเภอเจิ้งติ้งได้จัดการประชุมเกี่ยวกับกิจการองค์กรจัดตั้งระดับรากหญ้าของพรรคทั่วทั้งอำเภอ นายสี จิ้นผิงได้วิพากษ์วิจารณ์และยกตัวอย่างเหตุการณ์ดังกล่าว เขาบอกว่า “เจ้าหน้าที่บางคนพูดแล้วไม่มีใครฟัง จะทำอะไรไม่มีใครยอมช่วยเหลือ เวลาเขาเดินอยู่ข้างหน้ามักจะมีชาวบ้านชี้นิ้วนินทาอยู่ข้างหลัง บทบาทเช่นนี้จะสร้างสรรค์พรรคในสายตาประชาชนได้อย่างไร? ปัญหาเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการสร้างสรรค์พรรคและกิจการงานด้านความคิดและการเมืองนั้นไม่ใช่ “ภารกิจอ่อน” แต่เป็น “ภารกิจแข็ง” ที่จับต้องได้ เราจำเป็นต้องทุ่มเทอย่างเข้มงวด

ภาพของสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่งที่เต็มไปด้วยความโลภ หาความสุขสบาย ไม่มีระเบียบวินัย ไม่กระตือรือล้น และขาดความจริงจังในการทำงาน เจ้าหน้าที่บางคนมีลักษณะเข้าข่ายลัทธิเจ้าขุนมูลนาย ผลัดวันประกันพรุ่ง หลีกเลี่ยงการรับมือกับเรื่องยุ่งยากและขาดความรับผิดชอบ ยังมีเจ้าหน้าที่บางคนมีลักษณะเข้าข่ายรูปแบบนิยม ไม่สำรวจตรวจสอบ ไม่ศึกษาค้นคว้า และมักตัดสินใจตามอำเภอใจ ทำให้ประชาชนประเมินบทบาทของเจ้าหน้าที่เหล่านี้ว่า “คำพูดเชื่อถือไม่ได้ การกระทำยอมรับไม่ได้”

นายสี จิ้นผิง ต่อต้านพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่เหล่านี้เป็นอย่างมาก เขาย้ำเสมอว่า “คนของพรรคคอมมิวนิสต์มีจุดยืนที่ชัดเจน จะสนับสนุนอะไรหรือจะคัดค้านสิ่งใด ต้องชูธงที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับเรื่องสำคัญเชิงหลักการเกี่ยวกับความถูกผิด ยิ่งต้องมีท่าทีที่ชัดเจน” และเขาเองก็พยายามขับเคลื่อนภารกิจนี้ด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง  แต่ในช่วง  10 ปีการปฏิวัติวัฒนธรรม บทบาทของสมาชิกและวินัยพรรคถูกบั่นทอนอย่างหนัก ภารกิจการจัดระเบียบใหม่จึงถือว่าลำบากกว่าช่วงใดๆ

วันที่ 11 เมษายนปี 1983 สี จิ้นผิง กล่าวเน้นในที่ประชุมเกี่ยวกับงานตรวจสอบวินัยพรรคครั้งที่ 4 ของอำเภอเจิ้งติ้งว่า “องค์กรจัดตั้งของพรรคในทุกระดับต้องจัดการกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของพรรคในเรื่องสำคัญที่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของพรรค มีแต่พรรคที่กวดขันพฤติกรรมคนในพรรคเท่านั้นจึงจะสามารถบรรลุการปรับปรุงบทบาทของพรรคให้ดีขึ้นในขั้นพื้นฐานได้โดยเร็วที่สุด”

“ปัญหาบทบาทของพรรครัฐบาลเป็นเรื่องเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของพรรค ซึ่งไม่เพียงแต่ได้รับการพิสูจน์จากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นสัจธรรมที่ได้รับการพิสูจน์จากข้อเท็จจริงมากมายในปัจจุบันอีกด้วย” “หากไม่สามารถปรับปรุงบทบาทพรรคให้ดีขึ้นโดยพื้นฐานแล้ว แนวทาง หลักการและนโยบายของพรรคก็จะมิอาจได้รับการปฏิบัติตามอย่างจริงจัง”

แปลเรียบเรียงโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน(CMG)

ติดตามตอนก่อนหน้าได้ที่

จัดตั้งคณะที่ปรึกษา หาผู้รู้มาแก้ปัญหาที่ไม่รู้- เส้นทางสีจิ้นผิง(12)