โอกาสในการส่งออกและนำเข้าสินค้า ผ่านโครงข่ายรถไฟ ไทย ลาว จีน

0
0

งานเสวนาถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับกระแสการค้าของโลกกับวิสัยทัศน์ของจีนในระบบการค้าโลก จัดโดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน มีการนำเสนอเรื่องเส้นทางรถไฟไทย ลาว จีน ที่จะเป็นโอกาสในการนำเข้าและส่งออกสินค้าของผู้ประกอบการไทย

สุวิทย์ รัตนจินดา ประธานสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย กล่าวว่าโครงการขนส่งรถไฟจีน ลาว ถือเป็น corridor ใหม่ ที่สามารถส่งสินค้าและบริการในอุตสาหกรรมต่างๆ โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการ BRI ที่รัฐบาลจีนให้ความมุ่งมั่น เส้นทางนี้เป็นเส้นทางชื่อมโยงจีนมาสู่ทางตอนใต้ผ่านลาว ไทย ทำให้ไทยมีโอกาสเป็นฮับกระจายไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย อินโดนีเซีย ในอนาคต

การส่งออกสินค้าไปยังจีน ปกติจะมีการส่งออกทางถนน และทางเรือผ่านท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือกรุงเทพฯ ไปยังเมืองท่าอย่างเซี่ยงไฮ้ เสินเจิ้น ต้าเหลียน แต่พอมีบริการรถไฟจีน-ลาว ทำให้เกิดการลำเลียงสินค้าจากจีนตอนใต้ ผ่านลาวมาไทย เป็นเส้นทางใหม่ เป็นการขนส่งทางรถไฟที่เป็นเส้นทางที่สั้นที่สุด มีความสามารถในการเข้าถึงจีนได้เร็วที่สุด ใช้เวลา 15 ชั่วโมงจากเวียงจันทน์ไปนครคุนหมิง การที่มีระยะเวลาที่สั้น มีประสิทธิภาพ เป็นช่องทางใหม่ในการกระจายสินค้าของไทยไปยังตลาดจีน

ที่ผ่านมา มีความพยายามเชื่อมโยงการขนส่งของไทยกับรถไฟจีนลาว เนื่อจากความแตกต่างของระบบรางที่รถไฟจีนลาวเป็น Standard Gauge แต่ของไทยเป็น Meter Gauge เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องมีการยกขนที่ท่านาแล้ง เพื่อทำให้การขนส่งที่ท่านาแล้งไปยังจีนได้ ใช้เวลาการสร้างรางพอสมควร จนปีที่ผ่านมาสร้างเสร็จแล้ว ดังนั้นการขนส่งสินค้าโดยระบบรถไฟจากไทยไปยังจีน ก็สามารถเปลี่ยนถ่ายที่ท่าน่าแล้งได้

ในปีที่ผ่านมา มีการขนส่งสินค้าถึง 11.2 ล้านตัน มีผู้โดยสารทดลองใช้บริการประมาณ 8.5 ล้านคน การขนส่งทางรถไฟสามารถส่งได้ 15-17 เที่ยวต่อวัน สามารถรองรับตู้สินค้าได้ 17,850 ตู้ต่อเดือน ปัจจุบันการขนส่งสินค้าใช้หัวรถจักรขนาด 2,000 แรงม้า สามารถบรรทุกได้ 1,800 ตันต่อขบวน ในอนาคตจะมีการใช้รถจักร 3,000 แรงม้าในการขนส่งสินค้า เพื่อให้รองรับการขนส่งสินค้าของทั้งขบวนได้ดียิ่งขึ้น

สิ่งที่ผู้ประกอบการอยากให้รัฐบาลดำเนินการคือ การผลักดันให้ท่าเรือบกเกิดขึ้นระหว่างจีน ลาว ไทย เชื่อมเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งจะช่วยพัฒนาศักยภาพในการเชื่อมเส้นทางจากจีนไปสู่ยุโรปและจากยุโรปมาไทย

ทำระบบการบริหารจุดตรวจปล่อย CIQ (Customs Immigration Quarantine) ของจีน ลาว ไทย หากสามารถทำได้เป็นมาตรฐานเดียวกันอย่างเป็นทางการ จะช่วยพัฒนาศักยภาพการขนส่งสินค้าทางรถไฟให้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น

ในอนาคต ควรใช้ศักยภาพของท่าเรือแหลมฉบังเป็นเกตเวย์ในการรับสินค้าจากประเทศที่สามผ่านไทย ไปลาวและจีน หรือส่งออกจากจีนผ่านลาวมาไทยและมาสู่ท่าเรือแหลมฉบังไปส่งออกไปทั่วโลก

หากรัฐบาลไทยสามารถกำหนดนโยบายที่ชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม จะช่วยผลักดันการส่งเสริมอุตสาหกรรมสองข้างทางของเส้นทางรถไฟ เป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการต่างๆ ที่จะขนส่งผ่านเส้นทางนี้ในอนาคต

ดังนั้น ทั้งจีน ลาว ไทย ต้องสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิด ทำให้เส้นทางนี้เป็นโครงข่ายเส้นทางขนส่งที่สะดวก เพื่อที่จะเป็นเส้นทางที่จะช่วยขยายตลาดอื่นๆทั้งตลาดยุโรป เอเชียกลาง และรัสเซีย ต่อไป

บทความ : ประวีณมัย บ่ายคล้อย