9 เทรนด์การท่องเที่ยวต่างประเทศของนักท่องเที่ยวจีน

0
0

Tenba Group บริษัทด้านการตลาดดิจิทัลของจีนรวบรวมเทรนด์การท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวจีนหลังยุคโควิด-19 ที่น่าสนใจ เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในการวางแผนจัดการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ตรงใจนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปท่องเที่ยวในหลายประเทศทั่วโลก ได้แก่

1. นักท่องเที่ยวหาข้อมูลการท่องเที่ยวจากสื่อออนไลน์

นักท่องเที่ยวจะหาข้อมูลจากเว็บไซต์การท่องเที่ยว และสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ รวมถึงขอให้บริษัทท่องเที่ยวจัดแพ็คเกจการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับงบประมาณตามที่ต้องการ ดังนั้น ผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวที่ต้องการจะทำตลาดนักท่องเที่ยวจีน จีงควรมีเว็บไซด์และสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นภาษาจีนสำหรับนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะ

2. นักท่องเที่ยวจะเชื่ออินฟลูเอนเซอร์

ในช่วงโควิด-19 ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างมาก ผู้บริโภคชาวจีนจํานวนมากมักจะเชื่ออินฟลูเอนเซอร์ Key Opinion Consumers (KOCs) และ Key Opinion Leaders (KOLs) ในการซื้อสินค้าและการเดินทางท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวที่ไม่มีเวลาวางแผนการเดินทาง ยิ่งจะเชื่อผู้อินฟลูเอนเซอร์ และตามรอยกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เหล่าอินฟลูฯ แนะนำ

3. นักท่องเที่ยวจีนชื่นชอบการบริการของระบบอัตโนมัติ

โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เป็นคนรุ่นใหม่ จะมีไลฟ์สไตล์ที่คุ้นเคยและชื่นชอบการใช้เทคโนโลยี ดังนั้น สิ่งอำนวยความสะดวกในรูปแบบออนไลน์และระบบอัตโนมัติยิ่งเป็นที่ชื่นชอบสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ตั้งแต่การเช็คอินออนไลน์ บัตรผ่านขึ้นเครื่องออนไลน์ ดังที่สนามบินในหลายประเทศมีการให้บริการ E-Gates เพื่อให้นักท่องเที่ยวผ่านการตรวจของสนามบินได้อย่างสะดวกขึ้น

เมื่อไปถึงที่พัก สิ่งที่นักท่องเที่ยวคาดหวังคือ ที่พักจะมีบริการที่ใช้เทคโนโลยีช่วยอำนวยความสะดวก เช่น กุญแจห้องแบบดิจิทัลที่ควบคุมด้วยโทรศัพท์มือถือ หรือเทคโนโลยีจดจำใบหน้าหรือลายนิ้วมือ สามารถควบคุมอุปกรณ์ในห้องจากแอพพลิเคชั่นต่างๆ เป็นต้น

4.  วิถีการท่องเที่ยวแบบไร้เงินสด

ปัจจุบันมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนในประเทศจีนกว่าร้อยละ 80 ใช้ระบบการชำระเงินแบบดิจิทัล โดยมีผู้บริโภคชาวจีนประมาณ 577 ล้านคนใช้แอพลิเคชั่น AliPay และ WeChat Pay ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่จำเป็นต้องพกเงินสดจำนวนมากสำหรับการท่องเที่ยว ตัวอย่างเช่น ดูไบมอลล์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีบริการให้นักท่องเที่ยวชาวจีนใช้ AliPay ในการซื้อสินค้าได้ นอกจากนี้ ยังมีสนามบินบางแห่ง เช่นสนามบินมิวนิกเยอรมนี มีบริการชำระค่าบัตรโดยสารด้วย AliPay และ WeChat Pay ด้วย

5. ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

นักท่องเที่ยวจํานวนมากต้องการได้รับประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ เช่นการไปสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสถานที่อันซีน ให้ประสบการณ์ที่แตกต่าง การท่องเที่ยวแบบผจญภัย การเที่ยวแบบสัมผัสวิถีชีวิตคนท้องถิ่น รวมถึงรูปแบบการท่องเที่ยวหลังยุคโควิด-19 ที่เป็นรูปแบบการทำงานระหว่างการท่องเที่ยว(workation)

6. นักท่องเที่ยวสาย Digital Nomad ที่เน้นการทำงานผ่านระบบออนไลน์

นักท่องเที่ยวสาย Digital Nomad นี้ จะสามารถทำงานได้จากทุกสถานที่บนโลกใบนี้ พวกเขาสามารถทำงานแบบระยะไกล  ขอเพียงมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตหรือสัญญาณ Wi-Fi แรงๆ ทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องนั่งประจำออฟฟิศ มีช่วงเวลาพักผ่อนระยะยาวในสถานที่ท่องเที่ยวที่พวกเขาประทับใจ

7. การเที่ยวแบบครอบครัว

การเที่ยวแบบครอบครัวเปลี่ยนโฉมหน้าไปจากอดีต ที่ไม่ต้องรอท่องเที่ยวช่วงปิดเทอมอีกต่อไป เพราะเมื่อมีการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ การเรียนและการท่องเที่ยวก็สามารถผสมกลมกลืนกันได้มากขึ้น ดังที่มีคำศัพท์ในภาษาอังกฤษว่าunschooling” และ “edventureที่โรงเรียนจะอนุญาตให้ครอบครัวพาบุตรหลานไปหาความรู้ในโลกกว้างนอกห้องเรียน

8. คริปโตเคอเรนซี

มีการคาดการณ์ว่าตลาดบล็อกเชนทั่วโลกจะเติบโตเป็น 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐภายในปีค.ศ. 2024 ขณะที่จีนเริ่มพัฒนาสกุลเงินอิเล็กทรอนิกส์หยวนดิจิทัล (e-CNY) ในอนาคต ภาคธุรกิจการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ร้านค้า สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะมีบริการการซื้อและชำระสินค้าด้วยหยวนดิจิทัล เช่น ตอนนี้ JD.com บริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดของจีนมีบริการให้ลูกค้าซื้อสินค้าด้วยหยวนดิจิทัลด้วย  

9. ไลฟ์ให้โลกรู้

การไลฟ์จะอยู่ในทุกกิจกรรมการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวสามารถแชร์เรื่องราว สิ่งที่เห็น ประสบการณ์ต่างๆ แบบเรียลไทม์กับผู้คนด้วยการไลฟ์ เรื่องดีและเรื่องร้ายของประสบการณ์การท่องเที่ยวจะถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็ว ดังนั้นผู้ประกอบการการท่องเที่ยวจึงต้องเตรียมความพร้อมในการสร้างประสบการณ์ทั้งแบบ On Ground และ On Air เพื่อสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยว

บทความ ประวีณมัย บ่ายคล้อย

ที่มา : Tenba Group