นโยบายย้ายหรือปรับปรุงบ้านมุงจาก ขจัดความยากจน- เส้นทางสีจิ้นผิง (32)

0
31
ระเบียงวัฒนธรรมชนเผ่าเซอในหมู่บ้านตงซานเมืองฝูอัน เขตหนิงเต๋อ มณฑลฝูเจี้ยน

ปี 1997 มณฑลฝูเจี้ยนได้จัดสรรเงินพิเศษจำนวน 6 ล้านหยวนเพื่อโครงการ “ปรับปรุงหรือย้ายบ้านมุงจาก” ให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด

“กำจัดบ้านมุงจาก หลุดพ้นความยากจน!” ผู้นำท้องถิ่นในอำเภอเสียผู่และเมืองฝูติ่ง ซึ่งเป็นสองแหล่งที่มีบ้านมุงจากค่อนข้างมาก ได้ลงนามใน “หนังสือรับประกันผลงาน” – หากไม่สามารถถอด “หมวกฟาง” ได้ก็จะถอด “หมวกข้าราชการ” ของตัวเอง

ในบางพื้นที่แนวคิดที่จะย้ายทั้งหมู่บ้านถูกต่อต้านจากกลุ่มผู้สูงอายุ ชนเผ่าเซอ ที่อาศัยมาหลายชั่วอายุคน “ทำไมต้องลงจากภูเขา ท้องฟ้าไม่ใช่ท้องฟ้าของเรา แผ่นดินไม่ใช่แผ่นดินของเรา ตายแล้วอาจไม่มีที่ฝัง” แต่สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านเปลี่ยนใจได้ในที่สุดคือนโยบายที่เป็นรูปธรรมและความจริงใจที่อบอุ่น

ผู้นำทั้งระดับอำเภอและระดับเขตได้ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านเพื่อตรวจสอบยืนยัน ลงทะเบียน ถ่ายภาพ และจัดเก็บข้อมูลที่รวบรวมและรายงานมาโดยตำบลต่างๆ ทีละครอบครัว เฉพาะเมืองฝูติ่งแห่งเดียวได้รวบรวมเอกสารต้นฉบับมากกว่า 2,000 รายการ

เมื่อมี “ตัวเลข” อยู่ในใจ ภาครัฐจึงให้คำแนะนำโดยจำแนกประเภท ปรับมาตรการช่วยเหลือให้เข้ากับสภาพของแต่ละครัวเรือน สำหรับบ้านมุงจากที่สามารถทำการปรับปรุงใหม่ได้ในจุดเดิมก็จะรื้อถอนและสร้างใหม่

หากเข้าข่ายอยู่กันแบบกระจัดกระจายและสภาพแวดล้อมไม่เอื้อต่อการอยู่อาศัยก็จะทำการย้ายถิ่นฐาน บ้านที่ไม่สามารถสร้างหรือปรับปรุงได้รัฐก็จะเป็นผู้รับซื้อ สำหรับผู้สูงอายุที่ใช้ชีวิตโดยลำพังหรือครอบครัวที่ยากจนเป็นพิเศษ  คณะกรรมการหมู่บ้านจะจัดการเรื่องสร้างบ้านใหม่ให้อย่างเหมาะสม

หลังจากนั้นนโยบายดังกล่าวได้รับการปฏิบัติตาม มีเงินสนับสนุนพร้อม การขอใช้ที่ดินของครัวเรือนที่จะทำการปรับปรุงบ้านมุงจากจะได้รับการพิจารณาอนุมัติเป็นอันดับแรก มีการลดภาษีและค่าธรรมเนียมจำนวนมากในปีนั้น เงินอุดหนุนจากรัฐบาลจะส่งถึงแต่ละครัวเรือน หากยังไม่พอเจ้าของบ้านจะจัดหาเองส่วน หนึ่งกู้ธนาคารส่วนหนึ่ง และญาติมิตรช่วยเหลือส่วนหนึ่ง

จากสถิติอย่างไม่เป็นทางการ ในระหว่างการปรับปรุงบ้านมุงจากนั้น เมืองฝูติ่งได้ลงทุนจ้างแรงงานมาเพื่อการนี้รวมแล้วเกือบ 50,000 วัน ใช้เงินไปมากกว่า 13 ล้านหยวน

ก่อนเข้าสู่ปี 1998 ครัวเรือนที่ยากจนเป็นพิเศษกว่า 2,000 ครอบครัวในเขตหนิงเต๋อสามารถหลุดพ้นจาก “หมวกฟาง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความยากจนได้ในที่สุด

ในช่วงเทศกาลตรุษจีนของปีนั้น ครอบครัวของจง ฝูเต๋อ ในหมู่บ้านตงซานตำบลซานซา อำเภอเสียผู่ ได้ย้ายจากบ้านมุงจากในชุมชนหูเจียซาน บนภูเขาไปยังบ้านใหม่ในหมู่บ้านหลักที่เชิงเขา

ความทรงจำของจง ฝูเต๋อ เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของการดำรงชีวิตในอดีตคือความมืดและความชื้นภายในบ้านมุงจาก รวมถึงความห่างไกลของชุมชน บ้านเก่าอยู่บนภูเขา รถไม่สามารถขึ้นไปได้ วัสดุที่จำเป็นในการสร้างบ้านก็ไม่สามารถขนขึ้นไปได้ อีกทั้งไม่มีเงินพอสำหรับจ้างคนงาน สภาพที่พักของครอบครัวคือกรอบบ้านที่ใช้อิฐโคลนตากแดดล้อมขึ้น จากนั้นมุงด้วยใบจากตากแห้ง สุดท้ายฉาบด้วยดินโคลนก่อนเป็นบ้านมุงจาก เมื่อมีพายุไต้ฝุ่นและฝนตกค่อนข้างมากในมณฑลฝูเจี้ยน ทำให้บ้านมุงจากต้องทำการซ่อมแซมใหม่ทุกๆ หนึ่งหรือสองปี ที่นั่นมีถนนเล็ก ๆ เพียงสายเดียวที่เชื่อมไปสู่หมู่บ้านหลัก เมื่อเผชิญสภาพอากาศเลวร้ายก็ไม่สามารถออกไปข้างนอกได้เป็นเวลาหลายวัน

แม้ว่าบ้านหลังใหม่ในหมู่บ้านหลักจะเป็นบ้านชั้นเดียวที่ประกอบด้วยสองห้องซึ่งกินพื้นที่เพียง 40 ตารางเมตร แต่ก็กว้างใหญ่และสว่างไสวกว่าเดิม สมาชิกครอบครัวทุกคนต่างก็รู้สึกพอใจ

ปลายเดือนเมษายนปี 1998 นายสี จิ้นผิง ซึ่งขณะนั้นเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯ ประจำมณฑลฝูเจี้ยน ได้ลงพื้นที่ทำการศึกษาค้นคว้าที่เขตหนิงเต๋อ และเดินเข้าไปในบ้านใหม่ของจง ฝูเต๋อ

ปู่ของจง ฝูเต๋อไม่รู้ว่าแขกผู้มาเยี่ยมคนนี้คือใคร เลยไม่ได้พูดอะไรเมื่อได้ยินคำถามด้วยความห่วงใยจากนายสี จิ้นผิง จนเมื่อมีเจ้าหน้าที่แนะนำว่าการปรับปรุงบ้านมุงจากนั้นบรรลุผลได้ภายใต้การขับเคลื่อนของรองเลขาธิการสี จิ้นผิง ทำให้ชายชราท่านนี้รู้สึกตื่นเต้นพร้อมพาเขาไปดูคำกลอนคู่สีแดงที่ติดอยู่บนประตูบ้านด้วยความปลื้มปิติ

ข้อความในคำกลอนคู่คือ “การปรับปรุงบ้านมุงจากควรตระหนักถึงนโยบายที่ดี การสร้างบ้านใหม่เสร็จสมบูรณ์นั้นต้องขอบคุณบุญคุณของพรรคฯ”

แปลเรียบเรียงโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน(CMG)

ติดตามตอนก่อนหน้าได้ที่

http://www.tcjapress.com/2023/05/08/xi-way-31