ไม่ลืม “เขตเก่า”- เส้นทางสีจิ้นผิง(34)

0
4
นายสี จิ้นผิง ขณะดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯและรักษาการผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนไปเยี่ยมตัวแทนเจ้าหน้าที่"ห้าเก่า"แห่งการปฏิวัติที่เขตหย่งติ้ง เมืองหลงเหยียน เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 1999

พื้นที่ที่เป็นฐานการปฏิวัติของจีนในอดีเรียกสั้นๆว่า เขตปฏิวัติเก่าหรือ เขตเก่าหมายถึงพื้นที่ที่เป็นฐานการปฏิวัติที่จัดตั้งขึ้นภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในช่วงสงครามปฏิวัติที่ดินและสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น

มณฑลฝูเจี้ยนเป็นหนึ่งในเขตปฏิวัติเก่าที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน ในช่วงสงครามปฏิวัติอันยาวนาน ประชาชนในเขตปฏิวัติเก่าของฝูเจี้ยนได้สร้างคุณูปการสำคัญและเสียสละอย่างมากเพื่อการก่อตั้งประเทศจีนใหม่

ทั้งพ่อและแม่ของนายสี จิ้นผิง ต่างเคยผ่านการฝึกฝนและทดสอบในสงครามปฏิวัติของจีน นายสี จิ้นผิง ได้ฟังเรื่องราวการปฏิวัติและสืบทอด ยีนสีแดงจากรุ่นพ่อตั้งแต่เขายังเด็ก เขารู้สึกผูกพันอย่างลึกซึ้งกับเขตเก่าและเคยแสดงออกถึงความซาบซึ้งหลายครั้งว่าหากลืมเขตเก่า ก็คือลืมต้นกำเนิดหากลืมประวัติศาสตร์ ก็หมายถึงการทรยศ ดื่มน้ำอย่าลืมคนขุดบ่อ อย่าได้ลืมเขตเก่า

ในช่วงที่นายสี จิ้นผิง ทำงานที่มณฑลฝูเจี้ยน เขามักเดินทางไปยังพื้นที่เขตเก่าเพื่อดำเนินการศึกษาค้นคว้า เขาเดินเข้าไปในครัวเรือนของหมู่บ้านต่างๆ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของชาวบ้าน นำความเอาใจใส่ของพรรคฯและรัฐบาลไปให้กับประชาชนในเขตเก่า ทุกที่ที่เขาไปก็ได้ไปเยี่ยมอดีตทหารกองทัพแดง เจ้าหน้าที่ ห้าเก่าแห่งการปฏิวัติ(ห้าเก่าหมายถึงอดีตสมาชิกพรรคฯใต้ดิน อดีตทหารกองกำลังจรยุทธ์ อดีตเจ้าหน้าที่ขนส่งสิ่งของ อดีตเจ้าหน้าที่ประสานงาน และอดีตเจ้าหน้าที่ชนบทในเขตเก่า) รวมถึงกลุ่มคนที่มีสิทธิ์ได้รับการปลอบขวัญจากรัฐ เป็นต้น นอกจากนั้น นายสี จิ้นผิงยังมักไปแสดงความเคารพต่อสถานที่ปฏิวัติเก่าเพื่อย้อนรอยการปฏิวัติในอดีต

ระหว่างวันที่ 8-12 มกราคมปี 1999นายสี จิ้นผิง ซึ่งขณะนั้นเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯประจำมณฑลฝูเจี้ยน ใช้เวลา 4 วันครึ่งในการลงพื้นที่ไปยังบ้านเกิดของอดีตนักปฏิวัติที่มีภูมิลำเนาอยู่ทางตะวันตกของมณฑลฝูเจี้ยน เพื่อเยี่ยมเยียนและปลอบขวัญประชาชนในเขตเก่า

วันนั้นเป็นช่วงฤดูหนาวที่อากาศหนาวเหน็บท่ามกลางสายฝน บ้านเกิดของอดีตนักปฏิวัติเหล่านั้นล้วนอยู่ในพื้นที่ภูเขาที่ห่างไกล สภาพถนนแคบและคดเคี้ยว บางแห่งต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะไปถึง

หลังเดินทางข้ามภูเขาหลายลูก นายสี จิ้นผิงได้เข้าไปในตำบลที่อยู่ลึกกว่าสิบตำบลของอำเภออู่ผิง อำเภอซ่างหาง อำเภอฉางทิงและเขตซินหลัว ได้ไปเยี่ยมครอบครัวของเติ้ง จื่อฮุย, เฉิน พีเสียน, หยาง เฉิงอู่, หลิว ย่าโหลว และเติ้ง ลิ่วจินซึ่งเป็นอดีตนักปฏิวัติที่มีภูมิลำเนาอยู่ทางตะวันตกของมณฑลฝูเจี้ยน รวมถึงเยี่ยมเยียนและปลอบขวัญอดีตทหารกองทัพแดง เจ้าหน้าที่ห้าเก่าแห่งการปฏิวัติ และชาวบ้านที่ยากจนเป็นพิเศษ

ประชาชนในเขตเก่าให้การต้อนรับสี จิ้นผิง อย่างอบอุ่น อดีตทหารกองทัพแดงบางคนสวมเครื่องแบบทหารในสมัยโน้นโดยเฉพาะพร้อมเหรียญเชิดชูเกียรติ เจ้าหน้าที่ ห้าเก่าแห่งการปฏิวัติหลายคนได้โชว์เหรียญรางวัลและใบประกาศเกียรติคุณที่พวกเขาเก็บรักษาด้วยความหวงแหนมาโดยตลอด นายสี จิ้นผิงจับมือพวกเขานั่งลง ฟังพวกเขาเล่าประวัติศาสตร์การปฏิวัติในอดีต และถามไถ่ถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้อาวุโสเหล่านี้

เมื่อได้ยินว่านายสี จิ้นผิง กำลังมาเยี่ยมเยียน หลิว ย่าตง น้องชายของนายพลหลิว ย่าโหลว ซึ่งเป็นอดีตทหารที่ขาดการติดต่อกับกองทัพแดงมาเป็นเวลายาวนาน รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งและวิ่งไปรอต้อนรับที่ข้างถนน นายสี จิ้นผิงจูงมือหลิว ย่าตงเดินพลางถามถึงสภาพครอบครัวของเขา และฟังเขาเล่าเรื่องราวในอดีต

เมื่อนายสี จิ้นผิงมอบเงินปลอบขวัญและภาพมงคลฉลองตรุษจีนให้ สมาชิกครอบครัวของลุงหลิวได้นำเหล้าเหลืองที่กลั่นเองมากาหนึ่ง และยืนกรานขอเชื้อเชิญแขกลิ้มลอง นายสี จิ้นผิงยกแก้วอวยพรให้ลุงหลิวมีอายุยืนยาว สุขภาพแข็งแรง และครอบครัวมีความสุข

ไม่เพียงแต่ทางตะวันตกของมณฑลฝูเจี้ยนเท่านั้น นายสี จิ้นผิงยังเอาใจใส่เขตเก่าทุกแห่งทั่วทั้งมณฑลฝูเจี้ยนและรู้สึกผูกพันกับประชาชนในเขตเก่ามาโดยตลอด

ในช่วงที่นายสี จิ้นผิงดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯประจำเขตหนิงเต๋อ เพื่อช่วยให้เขตเก่าในหนิงเต๋อซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของมณฑลฝูเจี้ยนหลุดพ้นความยากจน นายสี จิ้นผิงได้ลงพื้นที่ครบเก้าอำเภอภายในเวลาเพียงสามเดือนหลังจากดำรงตำแหน่ง ต่อมาก็ได้เดินทางไปยังพื้นที่ตำบลส่วนใหญ่ของเขตหนิงเต๋อ

หลังจากย้ายไปทำงานที่เมืองฝูโจว นายสี จิ้นผิงก็คอยห่วงใยเขตเก่าเช่นกัน เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมปี 1995  ในการประชุมก่อตั้ง สมาคมส่งเสริมการพัฒนาเขตเก่าแห่งเมืองฝูโจว นายสี จิ้นผิงย้ำว่า การเอาใจใส่และสนับสนุนการสร้างสรรค์และการพัฒนาของเขตเก่านั้น เป็นภารกิจที่ต้องดำเนินการของพรรคและรัฐบาล สำหรับเขตเก่าต้องใช้มาตรการให้สิทธิพิเศษด้านนโยบายจัดทำโครงการให้เป็นลำดับแรก และให้บริการอย่างมีคุณภาพสูง เพื่อส่งเสริมให้เขตเก่าหลุดพ้นความยากจนสู่ความร่ำรวยโดยเร็วที่สุด และเร่งพัฒนาเศรษฐกิจในเขตเก่าให้เร็วยิ่งขึ้น

เมื่อครั้งเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯประจำมณฑลฝูเจี้ยน นายสี จิ้นผิง เคยรับผิดชอบกำกับดูแลเขตเก่าโดยตรง ต่อมาเขาดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการผู้ว่าการและผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนตามลำดับ นายสี จิ้นผิงก็ยังให้ความสําคัญอย่างยิ่งกับงานเกี่ยวกับเขตเก่าเช่นเคย เขาเคยไปร่วมงานเสวนาของสมาคมส่งเสริมการพัฒนาเขตเก่าหลายครั้งเพื่อรับฟังความคิดเห็น และเคยไปสำนักงานกิจการเขตเก่าของมณฑลฝูเจี้ยนสองครั้งเพื่อดําเนินการศึกษาค้นคว้า ตลอดจนให้คําแนะนําและช่วยแก้ไขความยากลำบากและปัญหาที่เป็นรูปธรรม

ในระหว่างที่ผมทำงานในสำนักงานกิจการเขตเก่าของมณฑลฝูเจี้ยน ผมได้ติดตามสหายสี จิ้นผิง ไปทำการศึกษาค้นคว้าที่ชนบทในเขตเก่า 23 ครั้ง และเคยรายงานเกี่ยวกับเขตเก่าให้สหายสี จิ้นผิงฟังโดยเฉพาะ  6 ครั้งอู๋ เหลียนเถียน ผู้เกษียณเล่าย้อนอดีให้ฟัง เขาเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกิจการเขตเก่าของมณฑลฝูเจี้ยนตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 1998 ถึงเดือนพฤษภาคมปี 2004

นายสี จิ้นผิงเคยกล่าวด้วยความรักว่า ทั่วทั้งมณฑลฝูเจี้ยนล้วนเป็นเขตเก่าพื้นที่ส่วนหนึ่งทางตะวันตกของมณฑลฝูเจี้ยนกับพื้นที่บางส่วนในเมืองก้านโจวมณฑลเจียงซี เคยเป็นฐานที่มั่นการปฏิวัติส่วนกลาง ซึ่งได้สร้างคุณูปการมากที่สุดแก่พรรคและการปฏิวัติขณะเริ่มเดินทัพทางไกล ในกองทัพแดงมีทหารที่มาจากทางตะวันตกของมณฑลฝูเจี้ยนมากกว่า 20,000 คน โดยกองพล 34  ซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับกองทัพแดงส่วนกลางมีทหารมากกว่า 6,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากทางตะวันตกของฝูเจี้ยน พวกเขาเกือบทั้งหมดได้อุทิศชีวิตระหว่างการสู้รบในบริเวณแม่น้ำเซียงเจียง

นายสี จิ้นผิงกล่าวอย่างหนักแน่นว่า เราต้องระลึกถึงคุณูปการที่ประชาชนในเขตเก่าสร้างไว้ให้กับการปฏิวัติเสมอ ไม่ลืมเขตเก่าตลอดกาล ไม่ลืมประชาชนในเขตเก่าตลอดกาล 

แปลเรียบเรียงโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน(CMG)

ติดตามตอนก่อนหน้าได้ที่

http://www.tcjapress.com/2023/05/24/xi-way-33