หัวเว่ย บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนเปิดตัวโซลูชั่นเครือข่าย 5.5G ในงาน Mobile World Congress ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน เพื่อนำไปสู่การใช้เทคโนโลยี 5.5G ในเชิงพาณิชย์ในวงการต่างๆ
เทคโนโลยี 5.5G หรือเรียกอีกชื่อคือ เทคโนโลยี 5G-A เป็นเทคโนโลยีที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านจากเทคโนโลยี 5G ไปสู่เทคโนโลยี 6G
ความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยี 5G กับเทคโนโลยี 5.5G คือ เทคโนโลยี 5.5G จะมีความเร็วกว่าเทคโนโลยี 5G ถึง 10 เท่านอกจากนี้ยังมีความแม่นยำเพิ่มขึ้น 10 เท่าประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้น 10 เท่า และความอัจฉริยะเพิ่มขึ้น 10 เท่า การใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจะมีความเร็วเพิ่มขึ้นจาก 1 กิกะบิต เป็น 10 กิกะบิต ทำให้การใช้งานเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในต้นทุนที่ต่ำลง
ดังนั้น ปีนี้จึงน่าจะได้เห็นการนำเทคโนโลยี 5.5G มาใช้ในการพัฒนาวงการต่างๆ เช่น ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถนำเทคโนลยี 5.5G มาใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีคลาวด์ เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มความสามารถของแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือได้ประสบการณ์ใหม่จากการใช้งานบนเครือข่ายที่มีความเร็วและประสิทธิภาพสูงขึ้น
ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในยุค 5.5G จะสามารถใช้งาน Livestream แบบความละเอียดสูงที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สำหรับในภาคอุตสาหกรรม การมาของเทคโนโลยี 5.5G จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เทคโนโลยี 5.5G ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถนะการควบคุมหุ่นยนต์ระยะไกล ที่ถูกส่งไปทำงานในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตราย ช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น การติดต่อสื่อสารและการควบคุมระยะไกลสามารถทำงานแบบเรียลไทม์ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่นการบริหารจัดการท่าเรือชิงเต่า ซึ่งเป็นท่าเทียบเรืออัตโนมัติเต็มรูปแบบแห่งแรกของเอเชีย ที่ตอนนี้ใช้เครือข่ายเทคโนโลยี 5G ช่วยจัดการข้อมูลในระดับมิลลิวินาที ในการจัดการตู้คอนเทนเนอร์ได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อใช้เทคโนโลยี 5.5G ก็จะยิ่งเพิ่มความรวดเร็วมากขึ้นไปอีก การพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ ที่สามารถใช้งานหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ ในการประมวลผล ลำเลียง ขนส่ง ในโรงงานได้อย่างเสถียรมากขึ้น เป็นต้น
ก่อนหน้านี้ หัวเหว่ยและบริษัทด้านเทคโนโลยีของจีนได้ทดสอบการใช้งานเทคโนโลยี 5.5G ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศจีน และมีการนำเทคโนโลยี 5.5G มาใช้ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ที่นครหางโจว ในปีที่ผ่านมาด้วย รวมถึงมีการนำไปทดลองใช้ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในเอเชียแปซิฟิก ยุโรป ตะวันออกกลาง จนมั่นใจว่า จะสามารถนำโซลูชั่นที่ใช้เทคโนโลยี 5.5G มาใช้งานในเชิงพาณิชย์ในปีนี้
การเดินหน้าเข้าสู่ยุคเทคโนโลยี 5.5G ทำให้จีนกลายเป็นผู้นำเทคโนโลยี 5.5G ในระดับโลก และจะช่วยพลิกโฉมและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่างๆ ของจีน เช่นช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจ Streaming เศรษฐกิจ IoT และสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับภาคอุตสาหกรรมยุคดิจิทัลอัจฉริยะต่อไป
บทความ : ประวีณมัย บ่ายคล้อย
