จู เสาหมิง นายกสมาคมปีนเขามณฑลฝูเจี้ยน และรองประธานกลุ่มบริษัทตงไป่ฝูเจี้ยนในขณะนั้นรู้จักมักคุ้นกับนายสี จิ้นผิงจากการปีนเขากู่ซาน
วันหนึ่งในช่วงสุดสัปดาห์ปี ค.ศ. 1997 เพื่อนของเขาเชิญนายสี จิ้นผิงซึ่งขณะนั้นเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลฝูเจี้ยนให้ไปปีนเขากู่ซานด้วยกัน จู เสาหมิงได้พบนายสี จิ้นผิงเป็นครั้งแรกที่กู่ซาน หลังจากนั้นพวกเขามักจะปีนเขาด้วยกันในช่วงสุดสัปดาห์บ่อยๆ
นายสี จิ้นผิงปีนเขาค่อนข้างเร็ว บางครั้งปีนจากเชิงเขาไปตามถนนโบราณไปยังจุดพักชมวิว “สือปาจิ่ง”โดยไม่พัก ซึ่งใช้เวลาประมาณ 40 นาที
เดินขึ้นบันไดจาก “ศาลาที่ 1 แห่งภูเขาหมิ่นซาน” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของถนนโบราณ ผ่าน “ศาลาชมน้ำตก” “ศาลาดั้นเมฆ” “ศาลาปั้นซาน” และ “ศาลาเกิงอี” สามารถเห็นหินแกะสลักหน้าผาต่างๆ เช่น “หยุนเฉิงฟาเริ่น” “เทียนเฟิงชุยเมิ่ง” และ “อู๋ซีปั้นถู” เป็นต้น จนมาถึงจุดชมวิว “สือปาจิ่ง” ในที่สุด ระหว่างทางนายสี จิ้นผิงมักจะหยุดเดินเพื่อชมมรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้อย่างเพลิดเพลิน
“ที่จุดพัก เราจะดื่มชาและพูดคุยกัน ท่านปฏิบัติต่อเราทุกคนเหมือนเป็นเพื่อนโดยไม่มีการถือตัวใดๆ คำพูดของท่านอบอุ่นและติดดินมาก ท่านเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพอย่างยิ่ง” จู เสาหมิงกล่าว
บางครั้ง เมื่อนางเผิง ลี่หยวน ภรรยาของนายสี จิ้นผิงซึ่งก็ชอบกีฬาประเภทนี้มากเช่นกัน เมื่อกลับมาเมืองฝูโจวก็มักมาร่วมการปีนเขาด้วย
นายสี จิ้นผิงยังได้สรุปข้อดีที่สำคัญหลายประการของการปีนเขา ประการแรก การปีนเขาเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิกซึ่งสามารถเพิ่มสมรรถภาพของปอดและหัวใจ ประการที่สอง การปีนเขาต้องมีการเคลื่อนไหวที่ทุกส่วนของร่างกายต้องประสานกัน ซึ่งสามารถออกกำลังกายกล้ามเนื้อและเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ประการที่สาม มีออกซิเจนไอออนลบมากมายในป่าเขา ซึ่งเอื้อต่อการปรับตัวของร่างกาย ประการที่สี่ การปีนเขาสามารถผ่อนคลายร่างกายและจิตใจและคลายความเครียด ประการที่ห้า การปีนเขาต้องใช้ความเพียรพยายามและกำลังใจประการที่หก การปีนเขาทำให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติและเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ต่างๆทำให้สุขภาพจิตดี
ในมุมมองของนายสี จิ้นผิง การปีนเขายังทำให้ได้ใกล้ชิดกับชาวบ้านระดับรากหญ้า การพูดคุยกันซึ่งหน้าเป็นเรื่องที่น่ายินดี ไม่ต้องกังวลว่าจะพูดถูกพูดผิด แค่พูดความในใจในสิ่งที่คิดออกไป
ถือขวดน้ำและผ้าเช็ดหน้าพร้อมกับผู้ชื่นชอบการปีนเขาสองสามคน ในระหว่างการปีนเขา นายสี จิ้นผิงมักจะพบมวลชนที่รู้จักเขา ซึ่งบางคนก็ยังทักทายด้วยความดีใจ ซึ่งเขาก็ยิ้มและโบกมือทักทาย
“ลูกเรียนหนังสือเป็นยังไงบ้าง?” “บ้านน่าอยู่ไหม?” “ไปหาหมอสะดวกไหม?” ……………นายสี จิ้นผิงมักจะพูดคุยกับชาวบ้านที่มาปีนเขาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ คนที่มาปีนเขามีทั้งนักเรียน นักท่องเที่ยว เจ้าของธุรกิจส่วนตัว และคนทำงานทั่วไปซึ่งต่างก็เป็นคู่สนทนาของเขา ทำให้ได้เข้าใจสิ่งที่พวกเขาคิดและคาดหวัง
โดยเฉลี่ยแล้วนายสี จิ้นผิงจะใช้เวลาสุดสัปดาห์ทุกสองหรือสามสัปดาห์ในการปีนกู่ซานจนถึงเดือนตุลาคม ค.ศ. 2002 เมื่อย้ายจากฝูเจี้ยนเพื่อรับตำแหน่งใหม่ที่มณฑลเจ้อเจียง
เดือนตุลาคม ค.ศ. 1999 จู เสาหมิงเสนอนายสี จิ้นผิงว่า ขณะนั้นเขากำลังเตรียมที่จะก่อตั้งสมาคมปีนเขามณฑลฝูเจี้ยนร่วมกับผู้ที่ชื่นชอบการปีนเขา และต้องการเชิญให้นายสี จิ้นผิงมาเป็นประธานกิตติมศักดิ์
สี จิ้นผิง ตอบรับคำเชิญทันทีพร้อมกล่าวว่า “หากเป็นประธานกิตติมศักดิ์ ผมจะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมให้กับมวลชนที่ชื่นชอบการปีนเขาส่งเสริมให้ทุกๆคนร่วมออกกำลังกายด้วยการปีนเขา เพราะกีฬาสามารถนำความสุขมาสู่ประชาชนได้”
ประธานกิตติมศักดิ์คนนี้ได้สนับสนุนการพัฒนาสมาคมอย่างจริงจังและได้ทำสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์มากมายให้กับประชาชนที่ชอบปีนเขา ทั้งยังให้คำแนะนำว่าสมาคมปีนเขาควรจัดกิจกรรมปีนเขาขนาดใหญ่เพื่อผลักดันกิจกรรมปีนเขาของมณฑลฝูเจี้ยนให้สูงขึ้นอีกระดับ
เดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1999 ทันทีที่มีการก่อตั้งสมาคมปีนเขามณฑลฝูเจี้ยน สมาคมก็ได้จัดการแข่งขันปีนเขาแห่งชาติครั้งแรกที่เมืองกู่ซานโดยมีผู้ร่วมแข่งขันนับหมื่อคน โดยได้มีการเชิญนายหลี่ จื้อซิน นักปีนเขาชื่อดังเข้าร่วมด้วย หลังจากกลับไปที่กรุงปักกิ่ง เขาได้รายงานประสบการณ์การปีนเขามวลชนของฝูเจี้ยนต่อสำนักงานบริหารการกีฬาแห่งชาติ
สำนักงานบริหารการกีฬาแห่งชาติจีนเห็นชอบกับประสบการณ์ของฝูเจี้ยนในการจัดกิจกรรมปีนเขามวลชน ทั้งยังเผยแพร่ประสบการณ์นี้ไปยังทั่วประเทศโดยได้จัดกิจกรรมปีนเขาเพื่อออกกำลังกายให้กับประชาชนในหลายเมือง และกำหนดให้วันที่ 1 มกราคมของทุกปีเป็นวันปีนเขาแห่งชาติเพื่อออกกำลังกายในวันขึ้นปีใหม่ ผลักดันให้มีการเปิดตัวกิจกรรมปีนเขาอย่างเต็มรูปแบบมากกว่า 300 จุดทั่วประเทศ
แปลเรียบเรียงโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน(CMG)
ติดตามตอนก่อนหน้าได้ที่