ปิดประชุมสภาผู้แทนประชาชนจีน ปธน.ย้ำนำจีนทำฝันเป็นจริง

0
199

เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา การประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 13 ครั้งที่ 1 จัดพิธีปิดการประชุมที่กรุงปักกิ่ง โดยนายสี จิ้นผิง กล่าวปราศรัยเป็นครั้งแรกหลังได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย เขากล่าวว่า สมัยใหม่แห่งสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์ของจีนเป็นของชาวจีนทุกคน ขอเพียงมีความสามัคคีอย่างจริงใจ ต่อสู้ไปด้วยกัน ก็จะไม่มีสิ่งใดๆ สามารถต้านทานการก้าวสู่ความฝันของประชาชนจีน

“การดำรงตำแหน่งอันสูงส่งของประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน น่าภาคภูมิใจและมีเกียรติยิ่ง ภาระหนักหน่วง ผมจะปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติอย่างซื่อสัตย์ดังที่แล้วๆ มา ซื่อสัตย์ต่อมาตุภูมิ ซื่อสัตย์ต่อประชาชน ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเต็มที่ อุทิศกำลังเต็มร้อย ทำงานอย่างขยัน เสียสละอย่างจริงใจ เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการของประชาชน ยอมรับการตรวจสอบจากประชาชน จะไม่ทำให้ผิดหวังตามที่สมาชิกสภาฯ ทั้งหลายและประชาชนชนเผ่าต่างๆ เชื่อถือและฝากฝังไว้”

นายสี จิ้นผิงให้คำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่นต่อสมาชิกสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจำนวนเกือบ 3,000 คน ในพิธีปิดประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 13 ครั้งที่ 1 โดยก่อนหน้านี้เมื่อ 3 วันก่อนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี นายสี จิ้นผิง ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วยเสียงเอกฉันท์ และได้รับเสียงปรบมือและสนับสนุนจากบรรดาสมาชิกสภาฯ เป็นเวลานาน

ในคำปราศรัยของนายสี จิ้นผิง คำว่า “ประชาชน” มีอยู่ในบริบทตั้งแต่ต้นจนจบ เขากำชับพนักงานหน่วยงานภาครัฐทุกคนว่า ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งสูงแค่ไหน ล้วนต้องจำไว้ว่าประเทศของตนเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีน ต้องจัดประชาชนอยู่ในจุดสูงสุดของหัวใจ รับใช้ประชาชนด้วยใจเต็มร้อย พยายามทำงานเพื่อผลประโยชน์และความผาสุกของประชาชน

ในคำปราศรัย นายสี จิ้นผิงได้ทบทวนอารยธรรมจีนที่ยาวนานหลายพันปี เขาเน้นว่า ศูนย์รวมใจอันยิ่งใหญ่ของประชาชนจีน ซึ่งบ่มเพาะและสืบสานมาท่ามกลางการต่อสู้เป็นเวลานาน เป็นแรงขับเคลื่อนทางจิตวิญญาณที่เข้มแข็งสำหรับการพัฒนาของจีนและความก้าวหน้าของมวลมนุษยชาติ ประชาชนจีนเป็นประชาชนที่มีจิตใจสร้างสรรค์ ต่อสู้ สามัคคี และมีความใฝ่ฝันที่ยิ่งใหญ่

“ประชาชนจีนเชื่อว่า ภูเขาจะสูงเพียงใด ไต่ขึ้นไป ก็จะสามารถถึงยอดได้ ทางจะไกลเพียงใด ก้าวต่อไป ก็จะสามารถถึงปลายทาง ตั้งแต่ยุคใกล้ หรือ ปี ค.ศ. 1840 เป็นต้นมา การสร้างความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งของจีนเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ประชาชนจีนได้ดำเนินการต่อสู้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 170 ปีเพื่อสานฝันอันยิ่งใหญ่นี้ให้เป็นจริง โดยใช้ความอดทนไม่ย่อท้อ ความกล้าหาญในการสู้รบกับศัตรูอย่างถึงที่สุด ความมุ่งมั่นใจการกอบกู้เอกราชด้วยลำแข้งของตนเอง และความสามารถในการยืนอยู่ได้ด้วยตนเองในหมู่ประชาคมโลก ทุกวันนี้ ประชาชนจีนเข้าใกล้ มีความเชื่อมั่นและความสามารถมากขึ้นกว่าช่วงใดๆ ของประวัติศาสตร์ในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งของประชาชาติจีน ผมเชื่อว่า ขอเพียงประชาชนจีนกว่า 1,300 ล้านคนเชิดชูจิตใจและความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่นี้ตลอดไป ก็จะสามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งของจีนขึ้นมาได้อย่างแน่นอน”

นายสี จิ้นผิงย้ำว่า อำนาจทุกอย่างของบ้านเมืองเป็นของประชาชน ประชาชนมีความมั่นใจ บ้านเมืองจึงจะมีอนาคต บ้านเมืองจึงจะมีพลัง

“จะยึดตามบรรทัดฐานที่ว่าประชาชนจะสนับสนุนหรือไม่ เห็นชอบหรือไม่ ยินดีหรือไม่ รับหรือไม่ ในการวัดผลได้ผลเสียของกิจการงานทุกอย่าง มุ่งจัดการเรื่องผลประโยชน์ที่ประชาชนสนใจที่สุด มีความเกี่ยวข้องโดยตรงที่สุด และเป็นจริงที่สุด ให้ประชาชนจีนทั้งหลายเข้าถึงความสุขและความภาคภูมิใจท่ามกลางการสร้างความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งของจีน”

สำหรับพิมพ์เขียวอันยิ่งใหญ่ในการสร้างสังคมพอกินพอใช้ทุกด้าน ย่างก้าวใหม่ในการสร้างประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัยทุกด้าน และการสร้างความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งของจีนตามที่กำหนดไว้ในการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 นั้น นายสี จิ้นผิงระบุว่า การจะทำให้พิมพ์เขียวดังกล่าวให้เป็นจริงขึ้น ถือเป็นลองมาร์ช (Long March) ครั้งใหม่ จะย่อท้อไม่ได้เด็ดขาด จะยืนอยู่กับที่ ชอบแต่สบายๆ ประมาทจนลืมความเดือดร้อนไม่ได้เด็ดขาด และไม่ควรลืมความตั้งใจครั้งแรก จดจำภาระหน้าที่ และความมุ่งมั่นมีความหวัง ควรลงลึกการปฏิรูปและเปิดเสรีทุกด้านด้วยกำลังและมาตรการที่ได้ผลอีกขั้น ส่งเสริมประชาธิปไตยแบบสังคมนิยม ให้ระบบการบริหารจัดการบ้านเมืองและความสามารถด้านการบริหารจัดการมีความทันสมัยขึ้น เร่งสร้างประเทศให้เป็นประเทศสังคมนิยมที่มีความเข้มแข็งทางวัฒนธรรม ให้หลักประกันและปรับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น เอาชนะสงครามต่อสู้กับความยากจน ส่งเสริมความเป็นธรรมและความเที่ยงธรรมของสังคม เดินหน้าสร้างระบบนิเวศที่ดี ควรยึดหลักพรรคฯ เป็นผู้นำชี้ขาดต่อกองทัพประชาชน เร่งสร้างระบบกองทัพที่มีเอกลักษณ์ของจีนและเป็นอันดับหนึ่งของโลก ควรดำเนินนโยบาย “1 รัฐ 2 ระบอบ” “ชาวฮ่องกงบริหารฮ่องกง” “ชาวมาเก๊าบริหารมาเก๊า” และบริหารตนเองในระดับสูงอย่างแม่นยำทุกด้าน รวมถึงยึดหลักการจีนเดียว และ “ฉันทามติปี 1992” ส่งเสริมกระบวนการรวมแผ่นดินเป็นเอกภาพด้วยสันติวิธี

นายสี จิ้นผิงย้ำว่า “การพิทักษ์อธิปไตยแห่งชาติและบูรณภาพเหนือดินแดน การรวมมาตุภูมิเป็นเอกภาพบริบูรณ์ เป็นความปรารถนาร่วมกันของประชาชนชาวจีนทั้งหลาย เป็นที่ตั้งผลประโยชน์หลัก ต่อความเป็นธรรมของประเทศและกระแสทางประวัติศาสตร์นี้ การเคลื่อนไหวและการประพฤติมิชอบใดๆ ในการแบ่งแยกมาตุภูมิล้วนจะต้องล้มเหลว จะได้รับการประณามจากประชาชนและการลงโทษจากประวัติศาสตร์ ประชาชนมีปณิธานที่แน่วแน่ ความมั่นใจเต็มเปี่ยม ความสามารถเต็มร้อยที่จะต่อสู้กับการเคลื่อนไหวในทุกรูปแบบที่จะแบ่งแยกดินแดน ประชาชนจีนและประชาชาติจีนมีศรัทธาด้วยกันข้อหนึ่ง ก็คือ ดินแดนทุกตารางนิ้วของมาตุภูมิที่ยิ่งใหญ่ของเราจะแยกออกจากจีนไม่ได้เด็ดขาดและไม่มีทางเป็นไปได้”

นายสี จิ้นผิงย้ำระหว่างกล่าวปราศรัยว่า ไม่มีทางที่จีนจะมุ่งพัฒนาประเทศตนแต่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศอื่น การพัฒนาของจีนจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อประเทศใด จีนจะไม่ถือความเป็นเจ้าและไม่ขยายอิทธิพลไปจนเกินขอบเขต ผู้ใดก็ตามไม่ควรตีความผิดหรือแม้กระทั่งเข้าใจผิดในความปรารถนาที่จริงใจและปฏิบัติการที่แท้จริงของประชาชนจีนในการสร้างคุณงามความดีเพื่อสันติภาพและการพัฒนาของมวลมนุษยชาติ เป็นธรรมดาที่ความยุติธรรมจะต้องอยู่ในโลกมนุษย์

“จีนจะรักษาความเป็นธรรมและความเที่ยงธรรมของโลกอย่างจริงจังต่อไป มีข้อคิดว่าเรื่องราวบนโลกควรให้ประชาชนทุกประเทศหารือกันทำ จะไม่เอาความคิดของเราเป็นภาระกับผู้อื่น จีนจะเดินหน้าโครงการ ‘1 แถบ 1 เส้นทาง’ อย่างจริงจังต่อไป เพิ่มความร่วมมือและแลกเปลี่ยนกับทุกประเทศของโลก ให้การปฏิรูปการพัฒนาของจีนนำมาซึ่งคุณประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ จีนจะมีส่วนร่วมในการปฏิรูปและจัดตั้งระบบการบริหารจัดการของโลกอย่างจริงจังต่อไป แบ่งปันภูมิปัญญาจีน สูตรจีน และพลังจีนแด่โลกมากขึ้น เดินหน้าสร้างโลกที่สันติถาวร มั่นคงทั่วถึง มีความเจริญด้วยกัน เปิดเสรี ผนึกกำลัง สะอาด และสวยงาม ให้แสงตะวันแห่งการสร้างประชาคมที่มีความผูกพันกันของมนุษย์สาดส่องทั่วพื้นโลก”