กล้า 5 อาชีพ  กล้าณรงค์ มาโชค

0
2

กล้า 5 อาชีพ  กล้าณรงค์ มาโชค

เปิดชีวิต พี่กล้า หรือ อาจารย์กล้าณรงค์ มาโชค อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จากหนุ่มเด็กนักกีฬาสู่ เบอร์ต้นหนึ่งในแมนออฟเดอะแมตช์โลกสื่อกีฬา ที่มีครบทั้งเรื่องการงาน และ การตอบแทนสังคมในวัยเพียงแค่ 32 ปี

ถึงแม้ไม่ใช่คนแวดวงกีฬาหรือแวดวงสื่อมวลชน แต่หากได้พอเห็นหน้า วัยรุ่นส่วนใหญ่ก็ต้องประสานเสียงร้องอ๋อ คนนี้เอง! เพราะไม่เพียงความสมาร์ทเท่กล้าแสดงออก แต่อุปนิสัยชอบการเรียนรู้ ชอบเปิดโลกกว้างอยู่เสมอๆ ยังคูณสกอร์ชีวิตให้พี่กล้าได้พัฒนาทักษะการทำงานในด้านต่างๆ แบบได้ใช้ความสามารถ ไม่มีหยุดพัก แม้ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา

เพราะชีวิตของ  พี่กล้า หรือ อาจารย์กล้าณรงค์  ไม่ว่าจะงานกองบรรณาธิการโต๊ะกีฬา ผู้ประกาศข่าว พิธีกร นักพากย์ แม้กระทั่งงานอาจารย์สอนนักศึกษาระดับปริญญาตรี ทั้ง 5 งานยังคงวิ่งเข้ามา แม้ตอนที่เรานั่งสัมภาษณ์พี่กล้าอยู่ในขณะนี้

“จุดแรกที่เปิดประตูทุกอย่างให้มีวันนี้คือการเรียนด้านนิเทศศาสตร์ ตัวอย่างแบบเป็นรูปธรรมชัดๆ เลยที่คนเรียนสายนี้จะได้แน่ ๆ ก็คือ อุปนิสัยเรียนรู้อย่างหลากหลาย ชอบเรียน เรียกว่าได้เรียนหมดทั้งถ่ายรูป ทั้งทำรายการ หรือ จะเรียนเขียน เรียนทำคอนเทนต์ทีวี  พอทีนี้พอเรามีสกิลทักษะที่หลากหลาย นั่นก็คือการเปิดโอกาสที่มากขึ้นตามด้วย มันผสมผสานหลายแขนงวิชาชีพ เราก็จะมีสกิลทำได้แทบทุกอย่างเลี้ยงตัว ต่อจากนั้นมันก็จะต่อยอดมาในเรื่องของหลักคิดที่เป็นนามธรรมมากขึ้น ค่อยๆบ่มเพาะ คือเราเรียนหลายอย่างมันก็สะสมเป็นรักในการที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดลึกๆ บางคนอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวเท่านั้น ซึ่งทีนี้พอเรารักในการทำสิ่งใหม่ๆ หากสิ่งที่เราทำนั้นมันไม่ตรงใจเราก็เปลี่ยนไปค้นหาจนเจอทางที่ใช่”

“หรือเจอทางที่ใช่เพิ่มขึ้นก็ทำให้เราทำเพิ่มในแนวทางนั้นขึ้นอีก เวลาเจอวิกฤตอย่างโควิด-19 ในเรื่องของรายได้จากหลายทางของเราก็พาตัวเองรอด ซึ่งอยากจะเล่าว่า เราเองก็มีต้นทุนตั้งต้นไม่มาก ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยเนื่องจากคุณพ่อเสีย คุณแม่เลี้ยงดูเราคนเดียว เราใช้การทำงานหลายทางนี้ ช่วยพยุงฐานะครอบครัวให้ดีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง งานมากในความหมายของเรากลับคือความสุข ไม่ใช่ต้องเหนื่อย ต้องกดดัน ต้องอดทนอะไร”  อาจารย์กล้าณรงค์ มาโชค เริ่มต้นบทสนทนาถึงจุดเริ่มต้นสิ่งที่พาให้เขามาสู่จุดตำแหน่งหน้าที่การงานและชีวิตที่มั่นคงด้วยอายุแค่เพียงหลัก 3 เท่านั้น

 

 

ต่อให้ฟ้าจะปิดแต่คนมันจะเกิดก็ต้องเกิด “ถ้าเราลงมือทำ”

อาจารย์กล้า กล้าณรงค์ มาโชค  หรือที่คนรู้กันในฉายานาม “กล้าทรูโฟร์ยู24” แรกเริ่มก็เหมือนคนทั่วไปในยุค 90 ที่ฝังใจกับการสอนและเห็นรูปแบบชีวิตการทำงานในแนวทางแบบสเปเชียลลิสต์ หรือยุคนั้น คนนิยมใช้หลักว่า รู้อะไรให้กระจ่างแต่อย่างเดียว ขอให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล  ซึ่งต่อมาสำหรับตัวเองรู้สึกว่า หลักการเน้นแนวดิ่งนั้นไม่เหมาะกับตัวเอง และ ไม่สามารถนำมายึดใช้ได้ในปัจจุบันและอนาคต เพราะในวันนี้ทุกศาสตร์ความรู้นั้นเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออกแล้ว ต้องมองเชิงเชื่อมโยงแนวขวางให้มากขึ้นด้วย

“แต่ก่อนฝันอยากจะเป็นคอลัมน์นิสต์ทำงานด้านสื่อกีฬา อยากเป็นแบบ บอ.บู๋ หรือเป็นอย่างเบนฟรีคิก ไปเมืองนอกแล้วเขียนข่าวส่ง ได้ทั้งเที่ยวและเงิน เราตอนนั้นก็อยากจะไปเอาดีทางด้านนี้ด้านเดียวเลย ช่วงเด็กเราไม่รู้ถึงขนาดเขียนอีเมลไปสอบถามเขาว่า โตไปอยากมีอาชีพแบบพี่ๆ เขาทำกันยังไง ต้องเรียนด้านไหนถึงจะเป็นแบบเขาได้ คำตอบกลับมาให้เรียนวารสารศาสตร์ ก็เลยเรียนมุ่งคณะนิเทศฯ”

แต่หลังเรียนจบก็ได้เริ่มงานทันทีตามฝันทันที แต่ทว่าจุดนี้เองซึ่งเป็นจุดที่เปลี่ยนให้ชีวิตค้นพบถึงความสามารถที่หลากหลายของคนๆ หนึ่ง ไม่เพียงทำได้อย่างเดียวแต่มันสามารถทำได้หลากหลายเท่าที่ใจเราต้องการเพียงแค่ “เราเปิดใจ” ที่จะทำ

“จบมาทำงานหนังสือพิมพ์สยามกีฬาในฝ่ายนักข่าวทีวี ในความคิดคนอื่นๆ แรกๆ ก็อาจจะมองว่าคนละสาย เพราะเรียนเขียนมาจะให้มาพูดหน้ากล้อง จะได้ไหม แต่พอเราเข้าใจมันก็ไม่ต่างอะไรจากเขียน เพราะเขียนอย่างไรเราก็พูดอย่างนั้น มันก็ทำได้ คือแค่เปิดใจเท่านั้น ทีนี้ต่อจากงานกองบรรณาธิการนักข่าวมาเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬา เป็นนักพากย์ เป็นพิธีกรฟุตบอลไทยลีก จนได้มาตอบแทนสังคม ให้ความรู้ ด้วยการเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาปริญญาตรี ในเส้นทาง 5 อาชีพรูปแบบซึ่งค่อยๆ ต่อยอดกันมา มันเหมือนถ้าเราเป็นนักกีฬาคนหนึ่งที่เก่งๆ อย่างพี่ซิโก้ เขาก็จะมีพื้นฐานทางกีฬา ทีนี้จะไปเล่นกีฬาอย่างอื่นก็ได้หมด ไปทำธุรกิจด้านอื่นก็ทำได้ ผันตัวมาเป็นโค้ชก็ทำได้ คือเรามีก้าวแรกมันสามารถไปก้าวที่สองได้ง่ายขึ้นกว่าคนที่ไม่เป็นอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรมันแตกแขนงต่อยอดไปได้หมด ตอนนี้ผมจะอายุ 33 ปี ก็ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณแม่ ได้ซื้อบ้านให้ท่านเรียบร้อยและพร้อมสร้างชีวิตตัวเองให้สมบูรณ์ แค่เพียงเราเปิดใจและลองทำ”

และด้วยยิ่งทำยิ่งสนุกยิ่งเจอเยอะยิ่งเยอะประสบการณ์ การมีหัวโขนหน้าที่หลากหลายอาชีพงานจะช่วยยิ่งทำให้พบโลกที่กว้างขึ้นมีแต่ผลบวกกับชีวิตนอกเหนือไปจากเรื่องของรายได้ที่เข้ามาหล่อเลี้ยงชีวิตอย่างมั่นคง  อาจารย์กล้าณรงค์ มาโชค เล่าให้ฟังอย่างต่อเนื่อง

“10 ปี ในสายงานไม่มีความคิดจะเรียนปริญญาโทเลย เพิ่งมาเรียนช่วงโควิด-19 เพราะจังหวะมันได้ แม้จะค่าใช้จ่ายสูงนิดหน่อย แต่ถ้าวันนั้นผมปิดใจที่จะเปิดโอกาสตัวเอง วันนี้ก็คงจะไม่ได้มาเป็นอาจารย์ และมันก็อย่างนั้นจริงๆ การเรียนระดับปริญญาโท มันส่งผลต่อความคิด ทัศนคติเราได้อีกด้วย ในการเป็นอาจารย์เราก็เจอสังคมของอาจารย์ เจอสังคมคนที่แลกเปลี่ยนความรู้กันตลอด เจอนักศึกษา เจอคนต่างวัย  ซึ่งก็มีมุมมองที่แตกต่างจากโลกทั้ง 4 ใบ ตอนเราทำเป็นพิธีกรก็ได้ความรู้เรื่องของออแกไนซ์เขาจัดเตรียมงานกันอย่างไร เป็นคนพากย์ฟุตบอลก็ได้รู้จักเรียนรู้เรื่องของเสียงซาวด์เอฟเฟ็กต์ต่างๆ พอเราได้มาทำงานที่หลากหลายหัวโขนมันสนุกมากและสอนอะไรเราได้มากๆ ไม่ว่าวิชาชีพและวิชาชีวิตแนวคิดมุมมอง คือชีวิตมันมีแต่บวก อารมณ์แบบกิ้งก่าได้ออกแรงเปลี่ยนสี เปลี่ยนหัวบ่อย ๆ ได้เรียนรู้ตามสถานที่ ตามคนที่ต่างกัน ปรับให้เข้ากับสภาวะแวดล้อม ทำให้เรารู้กว้างมากขึ้น”

ทำน้อยแต่ได้มาก “เพราะฝึกลับคมสมองเสมอ”

หลังลัดเลาะชีวิตและจุดเริ่มต้นที่เป็นแรงผลักดันให้กล้าก้าวทำงานหลากหลายรูปแบบ ส่งผลให้ตารางงานมีให้ทำตลอดทั้ง 7 วันต่อสัปดาห์โดยไม่มีวันหยุด คำถามที่สำคัญคือแล้วแบบนี้จะบาลานซ์ชีวิตแบ่งเวลาหน้าที่ต่างๆ อย่างไรให้ทุกอย่างออกมาดีและดีขึ้นเรื่อยๆ ได้ โดยไม่สูญเสียความสุข หรือ สุขภาพ

“เงินก็สำคัญ ความสุขก็สำคัญ อันดับแรกต้องหาเส้นทางความสุขของเรา การทำงานหลายอย่างมีข้ออ้างให้เราจะอนุญาตตัวเองขี้เกียจก็ได้ แต่เราคิดเสียว่าเหนื่อยกายแต่นอนพักก็หายเหนื่อย แต่ถ้าเหนื่อยใจพักนอนแค่ไหนก็ไม่หายเหนื่อย ดังนั้นต้องเริ่มที่ใจเราก่อน คือถ้าจะให้แนะนำคนอื่นๆ ผมก็จะทำให้มันอยู่ใน 2 ขอบเขตนี้ ความสุขต่อยอดไปเงิน ถ้าต่อยอดแตกไลน์ออกไปก็ดีเป็นการเสริมอาชีพ”

เช่นเดียวกับ “ต้นไม้” ที่มีรากแก้วและก็มีรากฝอย หลายๆ ส่วนช่วยกันหล่อเลี้ยง พยุงต้นไม้ 1 ต้นให้เติบโตและแข็งแรง ก่อนจะแตกดอกและออกผลตกลงสู่ดินกำเนิดเป็นต้นใหม่โดยอัตโนมัติ  เช่นเดียวกับงานของ อาจารย์กล้า ที่มีรากที่มั่นคง และ ออกดอก ออกผล เกิดต้นกล้าใหม่ในอาชีพการงาน

“ทำงานหลายๆ อย่างมันจะฝึกลับคมให้กับเราด้วยนะ เพราะหากเราให้ความสำคัญอันใดอันหนึ่ง อีกสิ่งหนึ่งย่อมด้อยค่า เช่น งานเราค้างอยู่ พอเราเอาเวลาไปเล่นบอลเล่นบาสที่ชอบก็ต้องคิดเสมอว่าจะจัดการงานอย่างไรภายใต้เวลาอันจำกัด และ คุณภาพต้องไม่ลด เช่นพอเหลือเวลาอีก 45 นาทีที่จะต้องจัดการงานให้เสร็จ เราคงต้องวางแผนให้ดี เตรียมตัวก่อนให้พร้อม เพื่อแก้ไขมันให้เร็วที่สุด และ หากเราทำมันได้จัดการมันได้ บ่อยเข้าๆ มันกลายเป็นความชำนาญ และ เกิดความท้าทายว่าเราจะจัดการมันอย่างไร มันก็ทำให้เราก็เก่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว”

“ต่อจากนั้นเวลาวางแผนงาน จัดตารางอะไรมันก็จะจัดง่ายขึ้น หลังเราเจอทางที่ชอบมันจะเป็นอัตโนมัติเลย เราจะพยายามจัดการตาราง จัดลำดับความสำคัญ 1-2-3-4-5 เสมอๆ ซึ่ง สลับหมุนเปลี่ยนตลอดเวลา แต่ก็ยังคงมีล็อคงานที่กำหนดเป็นหลักเป็นภาพใหญ่คุม คือเราต้องลงมือทำก่อนถึงจะรู้คำตอบว่าจะจัดการอย่างไรในเรื่องนี้ ทั้งงาน ชีวิต การพักผ่อน ที่ลงตัวเหมาะกับเราและเราจะประสบความสำเร็จอย่างที่ฝัน”

คิดแบบเป็ดเจอทางที่ใช่ไว

“ผมนิยามตัวเองเป็นเป็ด เป็นเป็ดตัวหนึ่งที่บินสูงไม่ได้ แต่บินหลบอันตรายได้หากมีงูมา และสามารถบินหนีได้ แม้จะบินขึ้นฟ้าไม่ได้ แน่นอนว่าเป็นเป็ดที่ลอยน้ำได้ แต่อาจจะดำน้ำกินปลาไม่ได้ แต่ทว่าพอพวกปลาผิวน้ำหรือขึ้นมาหายใจเราก็หาจังหวะฮุบได้ เราเป็นเป็ดขึ้นบกได้ อยู่ในพื้นที่ที่หลากหลายแตกต่างได้ แม้มูลเราสามารถสร้างประโยชน์ให้กับพื้นดินได้แต่ไม่เท่าไส้เดือน เราก็ตระหนักยอมรับข้อจำกัดตัวเองเสมอด้วย” อาจารย์กล้าเผยบทสรุปแนะนำการใช้ชีวิตกับหน้าที่การงานที่มากกว่าหนึ่งงาน ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตและมีความสุขข้อนี้ก็สำคัญในยุคที่อะไรต่อมิอะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

“พอเรามองตัวเองคิดกับตัวเองอย่างนั้น เราก็จะได้ลองทำนั้นนี้และก็จะพบทางที่ใช่ สรุปแล้วทุกวินาทีมันสอนเราหมด ประสบการณ์ล้วนๆ จริงๆ แค่เราต้องพร้อมปรับเปลี่ยน ทุกอย่างมันจะไปได้หมด ไม่ว่าจะเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ยกตัวอย่างการมาเรียนมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ช่วงปริญญาโทหรือกระทั่งมาเป็นอาจารย์สอนในวันนี้ เราอย่ามองว่ามาเรียนแล้วจะเหนื่อย ทำงานหนักแล้วทำไมต้องมาเรียน เรามองใหม่ มองว่าเราชอบต้นไม้ ปกติทำงานอยู่กับเมืองเจอแต่ตึก พอมาเจอบรรยากาศในสถาบันที่ร่มรื่น มองไปทางไหนก็เขียว ทำให้จิตใจเราดี มันก็คิดอ่านทำสารพัดงานได้ดี เป็นพลังส่งจากภายในสู่ภายนอกพัฒนาตัวเองดีขึ้นทุกด้าน นี่คือประโยชน์ของการมองให้ถูกวิธี”

“คือเราต้องลองอะไรที่หลากหลายแล้วมันก็จะเปิดโอกาสให้เราเจอทางที่ใช่และลงมือทำให้มันสำเร็จ  เคล็ดลับมันมีแค่นั้นสำหรับผมในวันนี้ที่ทำให้แกร่งกล้าในทุกด้านพร้อมรับมือกับทุกอย่างที่เข้ามา” อาจารย์กล้ากล่าวย้ำทิ้งท้าย