ตามไปดูจีนแก้วิกฤตอสังหาริมทรัพย์

0
1

ตามไปดูจีนแก้วิกฤตอสังหาริมทรัพย์

โดย รศ.วิภา อุตมฉันท์

3-4  ปีมาแล้วที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจีนเริ่มส่อเค้าวิกฤต  นักวิเคราะห์มองว่าเศรษฐกิจจีนจะเข้าสู่ภาวะถดถอยแน่ ๆ ซ้ำร้ายยังเกิดโรคระบาดโควิดตามมาติดๆ   นโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” ของจีนซ้ำเติมให้เศรษฐกิจทุกด้านชะงักงัน  คนจองบ้านไม่ผ่อนบ้าน คนสร้างบ้านไม่มีเงินทำต่อ ธนาคารขาดรายได้   บริษัทยักษ์ใหญ่ Evergrande ขาดสภาพคล่อง  ถึงขั้นต้องผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ในตลาดต่างประเทศถึง 1.2 พันล้านUS$  ต้องร้องขอพิทักษ์ทรัพย์  ต่อมายักษ์ใหญ่อสังหาฯอีกรายหนึ่งคือ Country Garden ก็ล้มละลายเป็นรายต่อมา

สีจิ้นผิงเคยกล่าวเตือนผู้คนว่า “บ้านมีไว้อยู่ ไม่ได้มีไว้เก็งกำไร”  แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว  วิกฤตอสังหาฯส่งผลไปสู่วงการต่างๆ ของจีนอย่างกว้างขวาง  จนรัฐบาลต้องออกคำแนะนำ  16 ข้อครอบคลุมทุกภาคส่วนที่อยู่ในวงโคจรของวิกฤตครั้งนี้  เช่น  ลดดอกเบี้ย ยืดเวลาผ่อนส่งให้ผู้ซื้อ ให้เงินกู้กับบริษัทพัฒนาฯ  กระทั่งจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือให้กับรัฐบาลท้องถิ่น  แม้จะเห็นผลได้ไม่ชัดเจนนักในขณะนี้  แต่อย่างน้อยก็เป็นทางออกค่อยๆ คลี่คลายจากวิกฤต hard landing เป็นวิกฤต soft landing  ซึ่งคาดว่ายังต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10 ปีในการแก้ปัญหา  เพราะสร้างไว้เกินความต้องการมากเหลือเกิน

แต่เนื่องจากจีนเป็นประเทศใหญ่  เป็นโรงงานโลกที่มีวิสาหกิจหลายหลากครบวงจร  จึงมีศักยภาพที่จะกระจายความเสี่ยงออกไปสู่วิสาหกิจอื่น ๆ ช่วยรองรับ   อันที่จริง  วิกฤตอสังหาริมทรัพย์เมื่อรวมกับกิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง คิดเป็นเพียง 17% ของ GDP เท่านั้น  แรงงานที่อยู่ในวงการอสังหาฯ ก็มีประมาณ 15 ล้านคน   เมื่อรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาอย่างนุ่มนวลและได้ผลแล้ว   วันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา  ก็ประกาศให้ทราบว่า  มูลค่ามวลรวมภายในประเทศของจีนปี 2023 เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 5.2%  ตัวเลขแม้จะเติบโตไม่มากนัก แต่ก็แสดงว่าเศรษฐกิจจีนยัง “มั่นคงและมีเสถียรภาพ”

นอกจากแก้วิกฤตอสังหาฯแล้ว  จึงเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมด้านอื่น ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไฮเทค เช่น  หุ่นยนต์ เอไอ รถยนต์อีวี (ซึ่งจีนส่งออกสู่ตลาดมากที่สุด)  และการใช้พลังงานสีเขียว การลดคาร์บอน ฯลฯ     ปี 2024 จีนยังสร้างความมหัศจรรย์ให้ชาวโลกด้วยการหันมาส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศเต็มที่    มีผลทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับที่พักอาศัย  อาหารการกิน การคมนาคม   สร้างทางรถไฟความเร็วสูง  ตลอดจนการค้าปลีก ฯลฯ  ต่างฟื้นตัวขึ้นในทุกที่ทุกเมือง

นโยบายนี้บังเอิญไปสอดคล้องกับรัฐบาลไทยชุดปัจจุบันที่มุ่งขาย soft  power  ทุกรูปแบบ  เพื่อนำรายได้เข้าประเทศพอดี   เราจึงได้เห็น “หวังอี้” รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน  เดินทางมาพบกับนายกรัฐมนตรีไทย  เซ็นสัญญาให้คนไทยกับคนจีนเดินทางไปมาหาสู่กันได้ โดยไม่ต้องใช้วีซ่าอย่างถาวร !!

สื่อมวลชนไทยพากันคาดเดาจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่จะมาเที่ยวไทยสูงลิ่วต่าง ๆ กันไป  มีตั้งแต่ 4 ล้านคน ไปจนถึง 7-8 ล้านเลยทีเดียว!