สี จิ้นผิง กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมครบรอบ 50 ปี

0
1

สี จิ้นผิง กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมครบรอบ 50 ปี จีนกลับสู่ที่นั่งอันชอบธรรมในสหประชาชาติ ภายใต้หลักการ จีนเดียว โดยเน้นย้ำ “จีนยืนหยัดสร้างสันติภาพและร่วมมือกับทุกประเทศสร้างผลประโยชน์ร่วมกันแบบ Win-Win”
.
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เข้าร่วมการประชุมครบรอบ 50 ปี การกลับสู่ที่นั่งอันชอบธรรมในสหประชาชาติของจีนในฐานะที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับการรับรองเป็นตัวแทนที่ชอบด้วยกฎหมายเพียงหนึ่งเดียวของจีนในสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 1971 หรือเมื่อ 50 ปีก่อน
.
วันนี้ 25 ตุลาคม 2564 สี จิ้นผิง ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่สำคัญ โดยมีใจความสำคัญดังนี้
.
สี จิ้นผิง ชี้ว่า วันนี้เมื่อ 50 ปีที่แล้ว สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติครั้งที่ 26 ผ่านมติที่ 2758 โดยเสียงข้างมากอย่างท่วมท้น ตัดสินใจฟื้นฟูสิทธิอันชอบธรรมทั้งหมดของสาธารณรัฐประชาชนจีนในสหประชาชาติ โดยยอมรับว่าตัวแทนรัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน จีนเป็นประเทศจีนเพียงแห่งเดียวที่ถูกกฎหมายในองค์การสหประชาชาติ เป็นตัวแทน นี่คือชัยชนะของคนจีน เช่นเดียวกับชัยชนะของประชาชนทุกประเทศในโลก

พร้อมเน้นย้ำ การกลับคืนสู่สหประชาชาติของจีน เป็นเหตุการณ์สำคัญของโลกและเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นผลจากความพยายามร่วมกันของประเทศที่รักสันติภาพและรักความยุติธรรมทั้งหมดในโลก และนับเป็นสัญญาณว่าชาวจีนซึ่งมีสัดส่วนถึงหนึ่งในสี่ของประชากรโลก ได้กลับเข้าสู่เวทีสหประชาชาติอีกครั้ง สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งและกว้างขวางสำหรับจีนและโลก
.
สี จิ้นผิง ยังเน้นอีกว่า ระยะเวลา 50 ปี นับตั้งแต่จีนใหม่ – สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ที่นั่งอันชอบธรรมด้วยกฎหมายในสหประชาชาติ มันคือช่วงเวลา 50 ปีแห่งการพัฒนาอย่างสันติของจีนและประโยชน์ของมนุษยชาติ
.
โดยตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ชาวจีนมีจิตวิญญาณแห่งการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เข้าใจทิศทางความก้าวหน้าของจีนในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป สร้างมหากาพย์อันยิ่งใหญ่ของจีนและการพัฒนาของมนุษยชาติ บนพื้นฐานของการก่อสร้างและการพัฒนาประเทศตั้งแต่การก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน
.
ประชาชนจีนได้ร่วมมือกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ปฏิรูปและเปิดประเทศ จนประสบความสำเร็จในการสร้างและพัฒนาสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะแบบจีน เปลี่ยนประเทศจาก ประเทศที่มีสถานะการผลิตที่ค่อนข้างล้าหลังไปสู่ผลผลิตทางเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
.
สิ่งเหล่านี้ที่กล่าวมา แสดงถึงความก้าวหน้าครั้งประวัติศาสตร์ คนจีนได้บรรลุเป้าหมายในการสร้างสังคมที่มั่งคั่งทุกประการบนแผ่นดินจีนด้วยมือของพวกเขาเอง ชนะการต่อสู้กับความยากจน แก้ไขปัญหาความยากจนในอดีต และเริ่มการเดินทางครั้งใหม่เพื่อสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่อย่างรอบด้าน โอกาสที่สดใสของการฟื้นฟูที่ยิ่งใหญ่ของชาติจีนมาถึงแล้ว
.
50 ปี แห่งการกลับสู่สหประชาชาติของจีน ยังเป็น 50 ปี แห่งการร่วมมือกับนานาประเทศ โดย สี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนเป็นส่วนสำคัญต่อสันติภาพและการพัฒนาของโลก จีนดำเนินตามนโยบายต่างประเทศโดยมุ่งเน้นการสร้างสันติภาพ รักษาความยุติธรรม ต่อต้านการครอบงำทางการเมือง และสนับสนุนการต่อสู้อย่างยุติธรรมของประเทศกำลังพัฒนา โดยผลประโยชน์ของการพัฒนานั้น ได้รับประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย อย่างเช่นโครงการ หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ที่ริเริ่มโดยจีน เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาและยังคงให้โอกาสใหม่แก่โลกผ่านการพัฒนาของจีน
.
ประธานาธิบดีจีน ได้กล่าวถึงการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ว่า จีนแบ่งปันประสบการณ์ในการป้องกันและควบคุมโควิด-19 ผ่านความร่วมมือกับประเทศต่างๆทั่วโลกอย่างแข็งขัน ซึ่งจีนได้ส่งวัสดุป้องกันโรคระบาด ยา และวัคซีนจำนวนมากเพื่อเป็นส่วนของการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด
.
แม้เวลาจะผ่านมาถึงครึ่งศตวรรษ จีนยังคงรักษาอำนาจและสถานะขององค์การสหประชาชาติ รวมทั้งยึดมั่นการปฏิบัติตามหลักพหุภาคีอยู่เสมอ โดยยิ่งเวลาผ่านไป ความร่วมมือระหว่างจีนและสหประชาชาติยิ่งลึกซึ้งยิ่งขึ้น ประเทศจีนปฏิบัติตามความรับผิดชอบและภารกิจของตนอย่างซื่อสัตย์ในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ รักษาวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ เห็นได้จากจีนสนับสนุนการระงับข้อพิพาททางการเมืองอย่างสันติ เป็นผู้นำในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษของสหประชาชาติ และเป็นผู้นำในการดำเนินการตามวาระ 2030 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน นอกจากนั้น จีนได้ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎบัตรสหประชาชาติและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด ยืนหยัดในการบูรณาการความเป็นสากลของสิทธิมนุษยชนเข้ากับความเป็นจริงของจีน และได้เริ่มดำเนินการบนเส้นทางของการพัฒนาสิทธิมนุษยชนที่สอดคล้องกับแนวโน้มของเวลาและสอดคล้องกับลักษณะเฉพาะแบบจีน
.
ในสุนทรพจน์ของสี จิ้นผิง ยังกล่าวเน้นไปที่ การเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งถ้าหากต้องการพัฒนาโลกใบนี้ให้มีความก้าวหน้าอย่างยั่งยืน ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน โดยจีนยืนหยัดการร่วมมือกับประเทศต่างๆ แบบ วิน-วิน (Win-Win) มีผลประโยชน์รวมกัน ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ผลประโยชน์หรือเสียประโยชน์เพียงอย่างเดียว สี จิ้นผิง ยังระบุว่า จีนให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ส่งเสริมการฟื้นฟูสีเขียว การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการก่อตัวของวิถีชีวิตที่มีอารยะธรรมและมีสุขภาพดี สร้างรูปแบบการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และทำให้ สภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาที่ดีเป็นแหล่งของการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างไม่สิ้นสุด
.
ช่วงท้ายของสุนทรพจน์ สี จิ้นผิง เน้นว่า จีนจะยึดมั่นในแนวทางการพัฒนาอย่างสันติ เปิดกว้าง สนับสนุนการพัฒนาโลกเสมอ รวมทั้งยึดมั่นในวิถีพหุภาคี ซึ่งจีนยินดีทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ เพื่อรักษาแนวความคิดของการปรึกษาหารืออย่างกว้างขวาง บนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมและผลประโยชน์ร่วมกัน ยืนหยัดเคียงข้างมนุษยชาติก้าวหน้าและมีส่วนร่วมในการพัฒนาโลกอย่างยั่งยืน มุ่งเป้าสู่การมีอนาคตร่วมกันของทุกคนบนโลกใบนี้ อย่างไม่ลดละความพยายาม
.
ด้าน อันโตนิโอ กูเตอร์เรส (Antonio Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 50 ปี จีนได้ให้การสนับสนุนที่สำคัญต่อสหประชาชาติมาโดยตลอด โดยจีนเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ของสหประชาชาติและเป็นแกนนำความร่วมมือระหว่างประเทศ ขอบคุณจีนที่มีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ปี 2030 ของสหประชาชาติ อย่าง การขจัดความยากจน การพัฒนาพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำของสหประชาชาติ ซึ่งสหประชาชาติจะให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการพัฒนาระดับโลก เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศสนับสนุนพหุภาคี เสริมสร้างระบบพหุภาคี และรวมตัวกันเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายระดับโลก และเน้นย้ำว่าองค์การสหประชาชาติจะยังคงเป็นพันธมิตรที่มั่นคงของจีนเพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่ยุติธรรมและยั่งยืนมากขึ้นต่อไป
.
แหล่งข้อมูล:
https://content-static.cctvnews.cctv.com/snow-book/index.html?item_id=11370940353027689247&t=1635134879006