บัญชาการต่อสู้และกู้ภัยน้ำท่วม- เส้นทางสี จิ้นผิง(71)

0
6
ภาพถ่ายเกาะจงโจวเมื่อปี ค.ศ. 1900 (ภาพจากหนังสือพิมพ์ข่าวภาคค่ำฝูเจี้ยน)

ปลายเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1992 พายุไต้ฝุ่นหมายเลข 3 เคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือจากบริเวณน่านน้ำทะเลที่อยู่ทางทิศตะวันออกของไต้หวัน ในขณะที่พายุไต้ฝุ่นหมายเลข 4 ขึ้นฝั่งบนเกาะไหหลำและเคลื่อนตัวไปทางตะวันตก ตามมาด้วยคลื่นความกดอากาศสูงกึ่งเขตร้อนที่เคลื่อนตัวไปทางตะวันตกและทางเหนือ ขณะเดียวกันลมเย็นจากทางเหนือก็เคลื่อนตัวไปทางทิศใต้ กระแสลมอุ่นและลมเย็นปะทะกันอย่างแรงในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำแยงซี-หวยเหอ จากนั้นแนวปะทะได้เคลื่อนตัวไปทางทิศใต้สู่น่านฟ้าเหนือลุ่มแม่น้ำหมิ่นเจียงโดยตรงอย่างรวดเร็ว

ฝนหนักกำลังก่อตัวขึ้น

ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม มีฝนตกหนักถึงหนักมากอย่างต่อเนื่องในลุ่มแม่น้ำหมิ่นเจียงจากเหนือจรดใต้ ระดับน้ำในลำน้ำสายหลักเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีข้อมูลที่วัดได้ในปี ค.ศ. 1934 หน่วยงานอุทกวิทยาได้วิเคราะห์และระบุในภายหลังว่ากระแสน้ำสูงสุดที่ไหลผ่านลำน้ำสายหลักในช่วงเกิดน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ถือว่ามากที่สุดในรอบ 50 ปี

ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน นำมาซึ่งน้ำท่วมทั้งภายนอกและภายใน ทำให้เมืองฝูโจวเข้าสู่ภาวะวิกฤต

เวลา 21.00 น. ของวันที่ 6 กรกฎาคม ณ ห้องประชุมคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองฝูโจว นอกหน้าต่างฝนตกหนักเหมือนเทน้ำเทท่า ภายในห้องประชุมมีแสงไฟสว่างไสว การประชุมด่วนทางโทรศัพท์ของทั้งเมืองเกี่ยวกับการป้องกันและบรรเทาภัยน้ำท่วมกำลังดำเนิน

“เราต้องลงมือดำเนินการทันที ขจัดความคิดและพฤติกรรมประมาท เตรียมสู้กับภัยพิบัติครั้งใหญ่และหนักหนาสาหัส ใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้และบรรเทาภัยน้ำท่วมครั้งนี้ให้ได้” นายสี จิ้นผิง เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองฝูโจวในขณะนั้น และหัวหน้าคณะผู้นำในการกู้ภัยและบรรเทาอุทกภัยได้ออกคำสั่งระดมพลพร้อมกำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “ต้องลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้เหลือน้อยที่สุด”

“เรียน คณะกรรมการพรรคฯและทางการเมืองฝูโจว อำเภอหมิ่นเจียงขอรายงานสถานการณ์การกู้ภัยและบรรเทาภัยน้ำท่วม ระดับน้ำท่วมกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและอาจสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สถานการณ์ร้ายแรงมาก …..” เวลานั้น เสียงที่เปี่ยมด้วยความกังวลของจาง เสวียเหมย เลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯประจำอำเภอหมิ่นโหวในขณะนั้นดังเข้ามาทางลำโพง

“ไปกันเถอะ!” นายสี จิ้นผิงสวมเสื้อกันฝนและถือไฟฉาย รีบเดินนำไปยังหมิ่นโหว

รถมินิบัสแล่นไปบนทางหลวงฝูกู่อย่างรวดเร็ว

มองผ่านหน้าต่างรถจะเห็นน้ำในแม่น้ำไหลเชี่ยวเกือบเอ่อล้นตลิ่งมายังผิวถนน นายสี จิ้นผิง ลงจากรถเป็นครั้งคราว เพื่อตรวจดูสิ่งอำนวยความสะดวกแนวกั้นน้ำริมถนน และปลอบขวัญเจ้าหน้าที่และมวลชนที่กำลังแบกกระสอบทรายและสร้างคันดิน

ที่หมู่บ้านกั่งโถว ตำบลจิงซี นายสีจิ้นผิงยืนอยู่ในน้ำที่ท่วมถึงน่อง และฟังรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำบลและหมู่บ้านเกี่ยวกับการควบคุมน้ำท่วม เมื่อได้ยินว่าเกิดเหตุเขื่อนที่ตำบลจิงซี รั่ว 2 จุด ก็รีบไปที่เกิดเหตุทันทีและขอให้อำเภอและตำบลในท้องถิ่นระดมประชาชนให้มาช่วยทันทีเพื่อสกัดกั้นกระแสน้ำที่ไหลย้อนกลับ

เวลา 00.30 น. ของวันที่ 7 กรกฎาคม ฝนตกหนักขึ้นอีก และได้ท่วมทางหลวงแผ่นดิน ข่าวสถานการณ์วิกฤติบนเกาะจงโจวแว่วมาจากโทรศัพท์มือถือ

“เร็วเข้า! กลับไปที่เกาะจงโจว!”

เกาะจงโจวตั้งอยู่ในเขตชางซาน เมืองฝูโจว เป็นเกาะในแม่น้ำหมิ่นเจียง เชื่อมต่อทั้งสองฝั่งด้วยสะพานเจียฟ่าง หลังเปิดการค้าขายที่เมืองท่าทั้ง 5แห่ง(หลังสงครามฝิ่นในปี ค.ศ. 1842 ราชวงศ์ชิงของจีนได้ลงนามในสนธิสัญญานานกิงกับสหราชอาณาจักร โดยเปิดเมืองเซี่ยงไฮ้ กวางโจว ฝูโจว เซี่ยเหมิน และหนิงโป เป็นท่าเรือการค้ากับต่างประเทศตามสนธิสัญญา ซึ่งถูกเรียกว่าท่าเรือการค้า 5 แห่ง นี่คือจุดเริ่มต้นที่ชาวต่างชาติเช่าที่ดินเพื่อการค้าในจีน)เมื่อช่วงปลายราชวงศ์ชิง มีมิชชันนารีและชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก ครั้งหนึ่ง มีโบสถ์ โรงพยาบาล และบริษัทต่างชาติมากมายบนเกาะ หลังประเทศจีนใหม่สถาปนาขึ้น อาคารเหล่านี้ถูกดัดแปลงเป็นโกดังของบริษัทหรือพื้นที่สำนักงาน ในเวลานั้นมีมากกว่า 800 ครัวเรือนรวมกว่า 2,200 คน อาศัยอยู่บนเกาะที่มีพื้นที่มากกว่า 70,000 ตารางเมตรนี้

นายสี จิ้นผิง รู้ดีว่าเมื่อใดก็ตามที่น้ำในแม่น้ำหมิ่นเจียงล้น เกาะจงโจวจะต้องทนทุกข์ทรมานก่อนอย่างแน่นอน ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจกลับไปที่นั่นทันที

เมื่อนายสี จิ้นผิงพร้อมผู้ติดตามเดินทางไปถึงหัวสะพานเจียฟ่าง น้ำท่วมเกือบจะถึงพื้นผิวสะพานแล้ว มีน้ำวนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีน้ำวนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คลื่นขนาดใหญ่ซัดไปเข้าหาเกาะจงโจวพร้อมวัตถุต่างๆที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมต่างพากันขึ้นไปที่หน้าต่างชั้น 2 และชั้น 3 พร้อมตะโกนขอความช่วยเหลือ

นายสี จิ้นผิงสั่งการให้ใช้มาตรการฉุกเฉินทันที โดยแต่งตั้งหลิน หย่งเฉิง รองนายกเทศมนตรีเมืองฝูโจวเป็นผู้บัญชาการ ณ จุดเกิดเหตุ ให้สำนักงานการคมนาคมขนส่งเทศบาลเมือง สวนสาธารณะซีหูและหน่วยงานอื่นๆจัดหาเรือเพื่อให้การสนับสนุน ระดมสรรพกำลังรับมือเหตุฉุกเฉินของระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงให้กองบัญชาการป้องกันน้ำท่วมเทศบาลเมืองระดมและลำเลียงขนส่งสิ่งของกู้ภัยต่างๆ เช่น แผ่นไม้ เชือกป่าน ฯลฯและขอให้กองทัพปลดปล่อยประชาชนมาเป็นกำลังเสริมด้วย

หลังสั่งการเสร็จแล้ว นายสี จิ้นผิงก็ได้เดินทางอย่างรีบเร่งต่อไปยังย่านถนนที่ถูกน้ำท่วมในเขตชางซานเมืองฝูโจว เช่น ย่านถนนซ่างตู้และหลินเจียง เป็นต้น

เช้าตรู่วันที่ 7 กรกฎาคม รถมินิบัสเดินทางกลับมาที่เกาะจงโจวอีกครั้ง

ทหารของประชาชนเดินทางมาถึงแล้ว พวกเขาขับเรือยนต์และเรือยาง ปีนขึ้นหลังคาและหน้าต่างบ้าน ช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมติดอยู่ในบ้านทีละคน และลากจูงเรือเพื่อส่งชาวบ้านไปยังที่ปลอดภัยของฝั่งตรงข้าม บรรดาทหารยังถอดเสื้อผ้าของตนเองเพื่อห่มให้คนชราและเด็กๆ คนหนุ่มสาวและวัยกลางคนที่รอดพ้นจากอันตรายก็ได้พากันเข้าร่วมการบรรเทาภัยพิบัติและการช่วยเหลือตนเองด้วยความสมัครใจ รวมถึงให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่กู้ภัยในการขนส่งสิ่งของและปลอบโยนผู้สูงอายุ เด็กและสตรี

นายสี จิ้นผิง ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าแผนกู้ภัยได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นระเบียบ ไม่ว่าทีมเจ้าหน้าที่แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินหรือวัสถุกู้ภัยต่างก็ได้เข้าประจำการเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเวลา 03.00 น. รถมินิบัสแล่นฝ่าลมและฝนไปไกลจนลับตา เพื่อมุ่งไปยังตำบลซินเจี้ยนที่ตั้งอยู่ชานเมืองซึ่งได้รับผลกระทบอย่างสาหัสจากภัยพิบัติครั้งนี้

แปลเรียบเรียงโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน(CMG)

ติดตามตอนก่อนหน้าได้ที่

https://www.tcjapress.com/2024/01/16/xi-way-70/