ผงซักฟอกภัยเงียบในครัวเรือน

0
14297

ผงซักฟอกภัยเงียบในครัวเรือน

แม้ว่าผงซักฟอกจะเป็นผลิตภัณฑ์เคมีสังเคราะห์ที่มีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน ที่ช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม แต่ในทางกลับกันผงซักฟอกก็มีผลเสีย ถึงแม้จะไม่ส่งผลโดยตรงต่อผู้ใช้มากนัก แต่สารลดแรงตึงผิวและสารลดความกระด้างของน้ำบางชนิดที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในผงซักฟอกส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อแหล่งน้ำและสัตว์น้ำ อัลคิลเบนซีนซัลโฟเนต (alkyl benzene sulfonate, ABS) เป็นสารลดแรงตึงผิว (surfactant) ที่ผู้ผลิตผงซักฟอกนิยมใช้สารกลุ่มนี้เป็นสารลดแรงตึงผิวประเภท anionic ที่มีโครงสร้างโมเลกุลแบบกิ่ง จึงทำให้จุลินทรีย์ในน้ำไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ (biodegradable) เมื่อผงซักฟอกที่มีสารลดแรงตึงผิวประเภทนี้ถูกปล่อยลงสู่แหล่งน้ำจะทำให้สัตว์น้ำไม่สามารถดำรงชีวิตได้ น้ำเกิดการเน่าเสีย หากสารดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายของคนโดยการอุปโภคบริโภคน้ำ จะทำให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย ดังนั้นทางกระทรวงอุตสาหกรรมจึงประกาศห้ามผู้ผลิตใช้สารลดแรงตึงผิวประเภท ABS โดยให้เปลี่ยนมาใช้สารกลุ่มลีเนียอัลคิลเบนซินซัลโฟเนต (linear alkyl benzene sulfonate, LAS) แทน เนื่องจากมีโครงสร้างโมเลกุลแบบเส้นตรง จึงทำให้สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่ก็ยังคงมีผู้ผลิตบางรายลักลอบใช้สาร ABS เนื่องจากมีราคาถูกกว่า LAS นอกจากนี้ยังห้ามผู้ผลิตใช้สารลดความกระด้างของน้ำที่มีฟอสเฟตเป็นส่วนประกอบ เช่น โซเดียมไทรโพลิฟอสเฟต (sodium tripoliphosphate, STPP) โดยเมื่อผงซักฟอกที่มีส่วนประกอบดังกล่าวถูกชะล้างลงสู่แหล่งน้ำ จะทำให้พืชน้ำ (aquatic plants) สาหร่าย (algae) และแพลงก์ตอนพืช (phytoplankton) ซึ่งเป็นผู้ผลิต (producer) ในห่วงโซ่อาหาร (food chains) เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้สูญเสียภาวะสมดุลของสิ่งมีชีวิตในน้ำ เรียกว่า “ยูโทรฟิเคชั่น (Eutrophication)

Eutrophication คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในแหล่งน้ำเนื่องจากมีปริมาณธาตุอาหารพวกสารประกอบฟอสฟอรัสและไนโตรเจน ซึ่งเป็นธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตสำหรับแพลงก์ตอนพืชและสาหร่ายอยู่มาก ธาตุอาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้พืชสีเขียวในลำน้ำมีการเจริญเติบโตแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว และสังเคราะห์แสงได้มากขึ้น ส่งผลให้ระบบนิเวศทางน้ำเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยปกติการสังเคราะห์แสงจะเกิดขึ้นได้เฉพาะตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนสาหร่ายและพืชสีเขียวจะใช้ออกซิเจนหายใจ และคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ ดังนั้นในช่วงเวลากลางวัน แหล่งน้ำที่เกิดปรากฏการณ์ eutrophication จะมีปริมาณออกซิเจนละลายน้ำสูงเกินกว่าขีดความเข้มข้นสูงสุด แต่ตอนกลางคืนระดับออกซิเจนก็จะลดลงอย่างมากจนถึงศูนย์ ในกรณีเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในแหล่งน้ำนั้นตาย การเกิด eutrophication ในแหล่งน้ำที่ปราศจากการปนเปื้อนของมลพิษจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ในธรรมชาติ แต่ถ้าเกิดขึ้นในแหล่งน้ำที่ได้รับการปนเปื้อนจากสารอินทรีย์และธาตุอาหารจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจุลินทรีย์บางชนิดจนเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “กระแสน้ำแดง (Red Tide)” ในทะเลและทะเลสาบ ผงซักฟอกกับผลต่อสุขภาพ 1.ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสกับสารระคายเคืองต่อผิวหนัง เช่น สารเคมีพวกกรดด่าง สารละลายอินทรีย์เคมี เมื่อสัมผัสบ่อยๆเป็นเวลานาน ไขมันที่เคลือบผิวหนังและสารยึดน้ำในชั้นของผิวหนัง ซึ่งทำหน้าที่รักษาความชื้นจะถูกทำลายไปทีละน้อยๆ จนขาดความต้านทาน เกิดการอักเสบ ผิวแห้งและแตก เสียคุณสมบัติในการป้องกันการซึมของสารเคมีเข้าสู่ผิว เกิดการระคายเคืองเมื่อถูกสารเคมีอีกแม้เพียงสบู่ ความร้อน ความเย็น หรือติดเชื้อก็จะเกิดได้ง่าย บริเวณใดที่อักเสบก็มักจะคันทำให้เกาหรือถูไถบ่อยๆ หนังบริเวณนั้นจะแปรสภาพหนาขึ้น 2.หากเข้าสู่ร่างกายทางปาก เช่น จากการปนเปื้อน ผงซักฟอกอาจทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ถ้ามีส่วนผสมของด่างก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองของเยื่อบุทางเดินอาหาร ทำให้ผิวหนังและเยื่อบุของทางเดินอาหารถูกกัดไหม้และอักเสบ เกิดอาการเจ็บในปากและลำคอ กระหายน้ำ คลื่นไส้อาเจียน อาเจียนเป็นเลือด กลืนลำบาก หายใจลำบาก ช็อก บางคนอาจมีการแตกทะลุของหลอดอาหารและกระเพาะ ทำให้กลายเป็นเยื่อบุช่องท้องอักเสบ หรือหลอดอาหารเกิดการตีบตันจากการอักเสบได้

สารเคมีในบ้านกับเด็กเล็ก

สารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สิ่งอันตรายใกล้ตัวลูกน้อยที่ควรระวัง สำหรับแม่แล้วนั้นย่อมต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพ ความปลอดภัยและความสุขของลูกน้อยล้วนเป็นสิ่งสำคัญ ในทุกๆ วันเราต่างใช้เวลามากมายในการเลือกอาหารที่ดีมีประโยชน์ อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนทุกคืน คอยปลอบโยนเวลาที่ลูกๆ หวาดกลัวตกใจหรือร้องไห้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดจากความรู้สึกของคนเป็นแม่ แต่คุณรู้หรือไม่ ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ภายในบ้านอาจจะเป็นภัยเงียบใกล้ตัวที่แม่ๆ อย่างเราคาดไม่ถึง จากสถิติพบว่าในแต่ละวัน เราปล่อยให้ลูกของเราต้องสัมผัสกับสารเคมีที่เป็นอันตรายอย่างน้อย 1 ใน 49 ชนิดในบ้านของเราเองโดยที่เราไม่รู้ตัว จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เราจะพบเด็กๆ ที่เจ็บป่วย หรือมีอาการแพ้สิ่งต่างๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ เด็กๆ จะได้รับอันตรายจากสารเคมีง่ายกว่าผู้ใหญ่ จากหลายๆ ทาง ได้แก่

• จากการหายใจเข้าไป: เด็กเล็กๆ หายใจเอาอากาศเข้าไปในร่างกายคิดเป็นสัดส่วนต่อน้ำหนักตัวมากกว่าผู้ใหญ่ ดังนั้นเด็กจึงมีการตอบสนองต่อสารเคมีที่ไวกว่า • จากการสัมผัสทางผิวหนัง: เด็กๆ มีพื้นที่ผิวหนังประมาณสองเท่าของผู้ใหญ่เมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว เพราะฉะนั้นพวกเด็กๆ ก็เปรียบเหมือนกับฟองน้ำเล็กๆ ที่สามารถดูดซึมสารเคมีได้เป็นอย่างดี • จากการเจริญเติบโตและพัฒนาการ: ระบบภูมิคุ้มกันและระบบประสาทส่วนกลางของเด็กๆ ที่กำลังพัฒนาและเจริญเติบตัวนั้น สามารถกำจัดสารเคมีที่เข้าสู่ร่างกายได้น้อยกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งก็จะทำให้สารเคมีที่รับเข้าไปสะสมในร่างกายเป็นเวลานานขึ้น

มีงานวิจัยมากมายที่ระบุว่า สารเคมีที่ใช้ในบ้านมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคหอบหืด ภูมิแพ้ ผื่นแพ้ผิวหนัง และมะเร็ง งานวิจัยเหล่านี้บอกให้เรารู้ว่า เราไม่ควรละเลยในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในบ้านของเรา และจะดีที่สุดหากเราสามารถเลิกใช้สารเคมีทุกชนิดในบ้านของเรา

อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน ต้องยอมรับว่ายังคงเป็นไปได้ยากที่จะไม่ใช้สารเคมีใดๆ เลยในชีวิตประจำวัน แต่อย่างน้อยการเริ่มหยุดใช้สารเคมีเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพื่อให้ง่ายขอให้เริ่มสังเกตผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีอันตรายเหล่านี้ • Ammonia • Chloride • Formaldehyde, Terpenes, Phenols, Chlorine, Organic Mercurial, Balsams, Aluminium Complexes – สารเหล่านี้เป็นสารก่อมะเร็ง • Alkylphenol Ethoxylates (APEs) –เป็นสารที่ทำให้เกิดความผิดปกติของระบบโฮร์โมนและอาจนำไปสู่การเกิดมะเร็ง • Phosphates ทำให้พืชน้ำเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นสาเหตุทำให้น้ำเน่าเสีย

บางครั้งอันตรายจากสารเคมีเหล่านี้อาจจะไม่แสดงออกมาด้วยอาการฉับพลันทันทีที่สัมผัสหรือสะสมจนเกิดอาการป่วยเรื้อรัง การรับสารเคมีเข้าไปในร่างการเด็กเล็กเบื้องต้นอาจจะแสดงออกมาด้วยอาการผื่นแพ้ตามผิวหนังก็เป็นได้ อาการแพ้ทางผิวหนังอาจไม่แสดงออกมาทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่เราใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ แต่สามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาต่อมา อาการคันในจุดที่สัมผัสถูกเสื้อผ้าอาจเป็นสัญญาณที่บอกถึงอาการแพ้ทางผิวหนังและอาจนำไปสู่โรคผิวหนังอักเสบได้ จากการศึกษาพบว่า ลูกน้อยที่เกิดอาการผื่นแพ้ที่ผิวหนังบ่อยๆ อาจจะไม่ใช่เพราะผิวแพ้ง่าย แต่อาจมีสาเหตุมาจากการซักผ้าด้วยผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่ทำให้เกิดอาการคันและแพ้สำหรับเด็ก อาการแพ้ต่างๆ อาจเกิดจากการสัมผัสโดยตรงหรือจากคราบน้ำยาหรือผงซักฟอกที่เกาะติดอยู่กับเสื้อผ้าหรือที่นอน เมื่อร่างกายของเราตอบสนองอย่างผิดปกติต่อสารเคมีผิวหนังก็จะเกิดการอักเสบขึ้น ซึ่งสารเคมีที่เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ ได้แก่ สารแต่งสี แต่งกลิ่น และสารกันเสีย ที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ซักผ้าทั่วไป คำแนะนำสำหรับป้องกันและแก้ไข จะดีแค่ไหนหากเราสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่มากได้สำหรับทุกคนในครอบครัวโดยเฉพาะกับเด็กเล็กๆ และช่วยให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีกว่าการใช้สารเคมี เพราะปัญหาสุขภาพและโรคหลายๆชนิดอาจมีสาเหตุมาจากสิ่งใกล้ตัวเราที่เราไม่ทันระวังอันตราย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้าน ใช้เป็นประจำทุกวัน เช่น ผลิตภัณฑ์ซักผ้า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ของใช้ส่วนบุคคล เป็นต้น ปัจจุบันมีสินค้าที่ทำจากธรรมชาติ หรือสินค้าออร์แกนิคให้เลือกใช้มากขึ้น จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพทั้งของลูกน้อยและทุกคนในครอบครัว “เพราะครอบครัวที่มีสุขภาพดี คือความครัวที่มีความสุข”

ตัวอย่างผงซักฟอกออร์แกนิค

ที่มา : ธนารักษ์ มั่งมีชัย ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)

http://www.thaihealth.or.th/

Resparkle Thailand