เตรียมตัวอย่างไร  เมื่ออยากไปเรียนต่อจีน เปิดประสบการณ์ น้ำฟ้า ตรีรัตนนุกูล

0
1

เตรียมตัวอย่างไร  เมื่ออยากไปเรียนต่อจีน เปิดประสบการณ์ น้ำฟ้า ตรีรัตนนุกูล  สู่การเป็นนักศึกษาคณะการค้าระหว่างประเทศ  มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง

“น้ำฟ้า ตรีรัตนนุกูล”  ลูกสาวของคุณสร้อยฟ้า  โอสุคนทิพย์ ผู้ดำเนินรายการข่าวเศรษฐกิจ และคุณสมชาย  ตรีรัตนนุกูล เพิ่งก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยเป็นน้องใหม่ของคณะการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง มหาวิทยาลัยชื่อดังของจีน

ด้วยความตั้งใจที่อยากจะศึกษาต่อที่ประเทศจีนตั้งแต่ม.ปลาย  หลังจากจบม.ต้นที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย     น้ำฟ้าจึงบินไปเรียนต่อชั้นม. 4 ที่ Jiujiang Foreign Language School  (九江外国语学校) พอเรียนจบชั้น  ม.4  มาเจอสถานการณ์โควิด-19 ที่ประเทศจีนมีมาตรการควบคุมโควิด-19 ไม่ให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ เลยต้องเปลี่ยนแผนมาเรียนในประเทศจนได้วุฒิม.6 ตามหลักสูตรของประเทศไทย และสมัครเข้ามหาวิทยาลัยของประเทศจีน โดยเลือกคณะด้านธุรกิจระหว่างประเทศตามที่เธอสนใจ

เรื่องราวของน้ำฟ้าน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเรียน นักศึกษาอีกหลายคนที่มีความฝันอยากไปเรียนต่อที่ประเทศจีน ซึ่งช่วงนี้ทางรัฐบาลจีนอนุญาตให้นักเรียน นักศึกษาทยอยเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนได้แล้ว  ทีมข่าว China Face ได้คุยกับน้ำฟ้า และคุณแม่สร้อยฟ้า ถึงการเดินทางครั้งใหม่ในการไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ประเทศจีน

ความสนใจภาษาจีนและประเทศจีนเริ่มตั้งแต่เมื่อไร

สร้อยฟ้า : การเรียนภาษาจีนของน้ำฟ้าเริ่มแรกคือคุณแม่ให้เรียนตั้งแต่ 5 ขวบ อนุบาล 2 ด้วยความเป็นเด็กก็ร้องไห้ไม่อยากเรียน พอเรียนๆ ไป พอซึมซับ ก็เริ่มชอบไปในตัว แม่คิดว่าจีนเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อ มีประชากรมาก  ถ้าเราสามารถเจาะตลาดทำการค้ากับจีนได้ มีโอกาสมากมายรอเราอยู่  ถ้าเราพูดภาษาจีนได้ เราก็มีใบเบิกทางในการทำการค้า

น้ำฟ้า : กว่าฟ้าจะชอบภาษาจีนใช้เวลา 6 ปี ฟ้ามาชอบตอนป.6  พอเริ่มรู้ภาษาจีนก็เลยเริ่มหาความรู้เรื่องสินค้า  พอม. 2 เริ่มพรีออเดอร์สินค้าจีน เข้าไปหาสินค้า แล้วช่วยสั่งของนำเข้ามา โดยคิดค่าหิ้ว 30 เปอร์เซ็นต์

ทำไมถึงเลือกเรียนคณะการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง

น้ำฟ้า : ฟ้าเคยไปซัมเมอร์ที่จีนมา 3 ครั้ง  และมีเป้าหมายอยากทำธุรกิจการส่งออกไทยจีน  เลยไปค้นว่าต้องเรียนคณะไหน   ไปไล่ดูว่ามหาวิทยาลัยไหนบ้างเหมาะกับคณะของเราและความชื่นชอบของเรา  ก็จะมี        เจ้อเจียง  เจ้อเจียงอยู่ใกล้กับเซี่ยงไฮ้  เค้ามีวัฒนธรรมโบราณด้วย  และชีวิตที่เจ้อเจียงก็ไม่เร่งรีบเกินไป เทียบกับเซี่ยงไฮ้ทุกอย่างจะเร่งรีบตลอด  และเจ้อเจียงยังมีโอกาสทางธุรกิจค่อนข้างเยอะกว่าที่อื่น ส่วนคณะการค้าระหว่างประเทศ ในรายวิชาระบุว่ามีเรียนการค้าระหว่างประเทศ บริหารธุรกิจ เศรษฐกิจ  การลงทุน ฟ้าสนใจเรื่องการลงทุน การนำเข้าส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ ก็เลยเลือกคณะนี้เพราะตอบโจทย์กับสิ่งที่เราต้องการจะทำ

การสมัครเรียนในระดับมหาวิทยาลัยของจีนต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

น้ำฟ้า : คุณแม่ไปเจอเพจเพจหนึ่ง สอนเรื่องเตรียมเอกสารเข้ามหาวิทยาลัยซึ่งมุ่งเน้นไปที่เรื่องการขอทุน  เขาจะช่วยแนะนำ  ใช้เวลาเรียนประมาณ 1 เดือน ช่วยสอนเรื่องการเขียนเอกสาร เพื่อจะขอทุนการศึกษา  แต่ฟ้าไม่เลือกขอทุนเพราะเกรงเรื่องความกดดันในการเรียน  การเข้าไปปีแรกจะทำอย่างไรให้มีแรงกดดันน้อยที่สุด ให้ปรับตัวได้ง่ายๆ  พอเราปรับตัวได้แล้ว ค่อยไปขอทุนปี 2 ปี 3 ปี 4 ได้  แต่ได้คำแนะนำเรื่องการเตรียมเอกสาร

สร้อยฟ้า : ทุกมหาวิทยาลัยที่ฟ้าสมัครไม่มีการสอบข้อเขียน สัมภาษณ์ ทางมหาวิทยาลัยพิจารณาจากเอกสารแล้วส่งจดหมายตอบรับเป็นนักศึกษาปี 1 เลย  ตอนจะสมัครคุณแม่ให้เรียนกับติวเตอร์เพื่อเตรียมตัว เตรียมเอกสารให้สมบูรณ์ที่สุด ให้โพรไฟล์ของเรา ให้ Study Plan ของเราเป็นที่เตะตาคณะกรรมการ และการติวครั้งนี้ได้ผล เพราะ 7 มหาวิทยาลัยที่น้ำฟ้าสมัครไปตอบรับกลับมาทั้งหมดเลย  เป็นการตอบรับโดยไม่มีการสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์

ดังนั้นเอกสารที่ส่งไปสมัครเรียนต้องมีความสำคัญมาก ต้องเตรียมเอกสารอย่างไร

น้ำฟ้า : เอกสารมี Study Plan เราต้องเขียนแผนการศึกษาเพื่อให้มหาวิทยาลัยมองเห็นไอเดีย วิธีคิดของเรา  เป้าหมายของเรา และนำเสนอตัวเองให้ได้มากที่สุด  ความยาวที่เขียนขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย แต่ละแห่งจะจำกัดจำนวนคำแตกต่างกัน  ใน Study Plan ฟ้าเขียนประวัติการศึกษา ประสบการณ์เรียนที่จีนตอนภาคฤดูร้อน ต้องเขียนให้ชัดเจน สั้น กระชับ ไม่ยืดเยื้อเกินไป  เขียนด้วยว่า ปัจจุบันเราเตรียมอะไรอยู่ เพื่อที่ว่าอนาคตเราอยากทำอะไรเพื่อจะเข้าคณะนี้ให้ได้  เช่นตอนนี้ฟ้ากำลังนำเข้าสินค้าจากจีนอยู่   และก็ใส่ resume portfolio ไปด้วย   ว่าทำกิจกรรมอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับคณะที่เราจะเข้า อย่างของฟ้าจะมีกิจกรรม  เป็นหัวชมรมศิลปะและการแสดง กิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมตอนไปอยู่ที่ประเทศจีน  การเข้าร่วมกิจกรรมขับกวีจีน และกิจกรรมอื่นๆ

ในที่สุดได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ชีวิตนักศึกษาปี 1 เป็นอย่างไรบ้าง

น้ำฟ้า : คณะมีให้ลงเรียนซัมเมอร์ 1 เดือน เริ่มเรียนซัมเมอร์ทางออนไลน์มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน  ในคลาสมีนักศึกษา 19 คน จากหลายประเทศ  เรียนวันจันทร์-ศุกร์ วันละ 4-6 ชั่วโมง  ฟ้าใช้เวลาปรับตัวประมาณ 1 สัปดาห์แรก รู้สึกได้ถึงความเข้มข้นของการเรียน  มีการสอนวิธีการทำวิทยานิพนธ์  ทำ presentation อย่างไร พูดอย่างไร เพื่อเป็นการปรับพื้นฐานให้เราไม่มีแรงกกดดันมากตอนไปเรียนจริง ก่อนจบจะให้นำเสนอ 1 หัวข้อ ฟ้าเลือกนำเสนอหัวข้อเรื่อง “งิ้วร่วมสมัย” ตอนเรียนจบคลาสได้รับรางวัล Excellent Student Award มาด้วย

มีคำแนะนำอะไรบ้างสำหรับน้องๆ ที่สนใจอยากไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่จีน

น้ำฟ้า : เด็กที่ไปเรียนต่อปริญญาตรีมี 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ตั้งใจจะเข้ามหาวิทยาลัยเลย ภาษาจีนต้องแข็งแรงถ้าเป็นการสอบวัดระดับภาษาจีน HSK ระบบเก่า อย่างน้อยต้อง HSK4  ถ้าจะให้ดี HSK5 กับอีกกลุ่มคือถ้าภาษาจีนยังไม่แข็งแรง ต้องไปเรียนภาษาก่อนอย่างน้อย 1 ปี  ดังนั้นการเตรียมตัวเรื่องภาษาจีนสำคัญมาก

ความสำเร็จของน้ำฟ้าคือผลจากความมุ่งมั่น ตั้งใจ พร้อมความเข้าใจ และการสนับสนุนของครอบครัว การเดินทางครั้งใหม่ของน้ำฟ้ากับการบินไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเจ้อเจียงใกล้เข้ามาแล้ว  โดยตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างรอเดินทางเข้าประเทศจีนพร้อมกับนักศึกษาไทยคนอื่นๆ  ระหว่างนี้น้ำฟ้ายังมีงานอดิเรกในการแปลเกมและเพลงภาษาจีนกับช่อง Youtube : DUKANG_杜康 ใครสนใจลองเข้าไปชมและติดตามผลงานของน้ำฟ้ากันได้เลย

บทสัมภาษณ์ : ประวีณมัย  บ่ายคล้อย