ควบคุม “มลพิษบนโต๊ะอาหาร”- เส้นทางสี จิ้นผิง(60)

0
17
นายสี จิ้นผิง ผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนในขณะนั้น เดินทางไปยังอำเภอฉางทิง เพื่อตรวจงานการควบคุมการสูญเสียดินและน้ำ รวมทั้งเกลี่ยดินรดน้ำต้นการบูรที่เขาบริจาคในอุทยานนิเวศวิทยาซื่อจี่ตำบลเหอเถียนเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2001 (ภาพโดยหนังสือพิมพ์ฝูเจี้ยนเดลี่)

รายการ “ข่าวเศรษฐกิจ 30 นาที” ของสถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CCTV) ได้ออกอากาศรายการ “จัดระเบียบเศรษฐกิจแบบตลาด…เรากำลังดำเนินการ” โดยมีนายสี จิ้นผิง เป็นผู้ให้สัมภาษณ์

“ท่านผู้ว่าการสี หากดิฉันเป็นชาวฝูเจี้ยน ดิฉันคิดว่า ผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานโดยตรงที่สำคัญที่สุดของดิฉันคือ การกินและดื่มอย่างวางใจได้ในเรื่องความปลอดภัย ในฐานะผู้ว่าการมณฑล ท่านสามารถให้คำมั่นสัญญากับฉันได้ไหม?” ผู้ดำเนินรายการตั้งคำถามได้เฉียบคม

“นี่คือ ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบของเรา แต่ปัจจุบันยังคงมีช่องว่างอยู่มาก” นายสี จิ้นผิงไม่ได้เลี่ยงคำถามนี้

ต่อจากนั้น นายสี จิ้นผิงได้กล่าวอย่างมีเหตุมีผลและฉะฉานเกี่ยวกับปมปัญหาต่างๆ ซึ่งรวมถึงสารเร่งเนื้อแดง สารตกค้างจากยาฆ่าแมลงในผัก และมลพิษของผลิตภัณฑ์ทางน้ำ เป็นต้น

“สิ่งที่ประชาชนสนใจก็คือสิ่งที่เราใส่ใจที่สุด สิ่งที่ประชาชนไม่วางใจและไม่พอใจนั่นก็คือความผิดพลาดที่ดำรงอยู่ของพวกเรา”

ก่อนหน้านี้ นายสี จิ้นผิง ได้สั่งการให้หน่วยงานการคลังและการค้าของมณฑลฝูเจี้ยนไปประสานหาข้อมูลจากหน่วยงานการเกษตรเพื่อรับรู้ถึงวิธีการตรวจหาสารเร่งเนื้อแดง

เมื่อคณะที่ไปประสานกลับมา พวกเขาก็ตรงเข้าไปในห้องทำงานของนายสี จิ้นผิงเพื่อรายงาน

“พวกเขาใช้วิธีง่ายๆ คือ ไล่หมูขึ้นเนินแล้วตีตูดหมูด้วยไม้กระบอง หากขาของมันอ่อนแรงและไม่สามารถขึ้นเนินได้ แสดงว่ามันกินสารเร่งเนื้อแดงไปแล้ว หากสามารถเดินขึ้นเนินได้ป๋อก็แสดงว่าไม่ได้รับสารเร่งเนื้อแดง”

“นี่เป็นวิธีการง่ายๆก็จริง แต่ยากที่จะได้ความแม่นยำ ผลลัพธ์ไม่แน่นอน จึงจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์” นายสี จิ้นผิงยังเน้นย้ำว่า “นี่เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของอาหารการกินของประชาชน ซึ่งประมาทไม่ได้เป็นอันขาด”

ด้วยเหตุนี้ ทางการมณฑลและเมืองจึงได้จัดสรรเงินทุนพิเศษเพื่อสั่งซื้ออุปกรณ์ตรวจสอบสารเร่งเนื้อแดงจากต่างประเทศจำนวนหลายชุด แต่ละชุดมีมูลค่ามากกว่า 200,000 หยวน (ราว 1 ล้านบาท)ซึ่งสามารถตรวจตัวอย่างปัสสาวะได้ผลอย่างรวดเร็วและแม่นยำ

ในรายการทีวีครั้งนี้ นายสี จิ้นผิงได้เน้นย้ำว่ามณฑลฝูเจี้ยนจะใช้เงินทุนที่มีจำกัดอย่างชาญฉลาด เพิ่มงบประมาณการคลังสำหรับจัดซื้ออุปกรณ์ รีเอเจนต์และอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้ในการตรวจตัวอย่างปัสสาวะเพื่อหาสารเร่งเนื้อแดง ขณะเดียวกัน ฝูเจี้ยนเป็นมณฑลแรกๆที่สร้างแพลตฟอร์มเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบครบวงจรสำหรับการฆ่าและการขายสุกรในสถานที่ที่กำหนด “ด้วยวิธีนี้ สามารถทราบผลได้เร็วที่สุดเกี่ยวกับจำนวนสุกรที่ถูกฆ่าตามสถานที่ที่กำหนดในแต่ละวัน จำนวนสุกรที่ขายในตลาด รวมถึงจำนวนสุกรที่ถูกฆ่าโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ในเวลานั้น ฝูเจี้ยนเป็นมณฑลแรกในประเทศที่ใช้มาตรการควบคุม “มลพิษบนโต๊ะอาหาร” และเป็นมณฑลแรกในประเทศที่ฆ่าสุกรตามสถานที่ที่กำหนดเท่านั้น นอกจากนี้ ฝูเจี้ยนยังได้พัฒนาและจัดซื้อเครื่องมือสำหรับตรวจสอบสารกำจัดศัตรูพืชที่ตกค้างในผักและสารที่เป็นอันตรายในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์เพื่อป้องกันไม่ให้สุกรติดโรคและอาหารอันตรายอื่น ๆ เข้าสู่ตลาด ส่งเสริมโครงการ “สามสีเขียว” (หมายถึงการบริโภคสีเขียว ตลาดสีเขียว และช่องทางสีเขียว) อย่างแข็งขัน ตลอดจนทุ่มเทเผยแพร่แนวคิดด้านสุขภาพและความปลอดภัยในกระบวนการผลิต การแปรรูป และการหมุนเวียน และใช้วิธีการบริหารจัดการที่เข้มงวด

ปี ค.ศ.2001 อัตราการตรวจพบสารเร่งเนื้อแดงในห่วงโซ่การผลิตและการจำหน่ายสุกรในมณฑลฝูเจี้ยนลดลงเหลือต่ำกว่า 8% และในปีถัดมาก็ลดลงเหลือต่ำกว่า 1% ต่อมาตรวจไม่พบสารเร่งเนื้อแดงในมณฑลฝูเจี้ยนเป็นเวลาหลายปี

เมื่อครั้งนายสี จิ้นผิง เป็นผู้บริหารสูงสุดของมณทลฝูเจี้ยน งานควบคุม “มลพิษบนโต๊ะอาหาร” ได้เพิ่มระดับการเข้มงวดกวดขันอย่างต่อเนื่อง เช่น น้ำดื่มก็ถูกรวมอยู่ในรายการบริหารจัดการความปลอดภัยของอาหารและกลายเป็นหนึ่งในจุดเน้นของการกำกับดูแลซึ่งเป็นมาตรการที่ไม่เคยมีมาก่อน ฝูเจี้ยนส่งเสริมการใช้  “ไขมันจากถังดักไขมันในระบบระบายน้ำ” อย่างเหมาะสมด้วยการรีไซเคิลและแปรรูปให้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ฝูเจี้ยนยังได้วางระบบป้องกันและควบคุมโดยให้ทุกภาคส่วนของมณฑลมีส่วนร่วมเพื่อให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆในการสุ่มตัวอย่างและทดสอบ ตลอดจนตรวจสอบการควบคุม “มลพิษบนโต๊ะอาหาร” ของร้านอาหารและสถานที่อื่นๆ

หลังจากย้ายไปทำงานที่มณฑลเจ้อเจียงเมื่อปี ค.ศ. 2002 นายสี จิ้นผิงเคยส่งสหายจากเจ้อเจียงไปยังมณฑลฝูเจี้ยนเป็นพิเศษเพื่อดูงานและเรียนรู้ประสบการณ์ด้านการกำกับดูแล”มลพิษบนโต๊ะอาหาร” หลังจากมาทำงานในรัฐบาลกลาง นายสี จิ้นผิงยังเคยพูดคุยกับสหายชาวฝูเจี้ยนหลายครั้ง โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการบริหารจัดการ “มลพิษบนโต๊ะอาหาร” ด้วยดีต่อไป

ถึงปี ค.ศ. 2022 การควบคุม “มลพิษบนโต๊ะอาหาร” ได้รวมอยู่ในบัญชีโครงการเพื่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมของมณฑลฝูเจี้ยนเป็นเวลา 22 ปีติดต่อกัน

คำบรรยายภาพ : นายสี จิ้นผิง ผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนในขณะนั้น เดินทางไปยังอำเภอฉางทิง เพื่อตรวจงานการควบคุมการสูญเสียดินและน้ำ รวมทั้งเกลี่ยดินรดน้ำต้นการบูรที่เขาบริจาคในอุทยานนิเวศวิทยาซื่อจี่ตำบลเหอเถียนเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2001 (ภาพโดยหนังสือพิมพ์ฝูเจี้ยนเดลี่)

แปลเรียบเรียงโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน(CMG)

ติดตามตอนก่อนหน้าได้ที่