รมต.ต่างประเทศจีนเยือนไทย ร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ขยายความร่วมมือ ‘หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง’

0
145

เพราะอาเซียนไม่สามารถบรรลุผลได้เพียงลำพัง
รมต.ต่างประเทศจีนเยือนไทย ร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
ขยายความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”

การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน (52nd ASEAN Foreign Ministers Meeting) เริ่มต้นขึ้นแล้ววานนี้ (31 ก.ค.) ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ การประชุมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 52 มีรัฐมนตรีต่างประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศสมาชิกคู่เจรจา และประเทศที่ได้รับเชิญ อาทิ ติมอร์-เลสเต ปาปัวนิวกินี เปรู นอร์เวย์ รัฐตุรกี สวิตเซอร์แลนด์ และเลขาธิการอาเซียน เข้าร่วมการประชุม

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานกล่าวพิธีเปิดการประชุม พร้อมกล่าวว่า อาเซียนไม่สามารถบรรลุผลได้เพียงลำพัง แต่ต้องเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาอาเซียน และประเทศนอกภูมิภาค และในฐานะที่ไทยเป็นประธานอาเซียนปี 2562 ไทยมุ่งมั่นที่จะสร้างประชาคมอาเซียน ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และก้าวไปสู่อนาคต ภายใต้กรอบแนวคิดหลัก “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน”

ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย กล่าวว่า การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนครั้งนี้ เป็นการเตรียมพร้อมก่อนเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆโดยเฉพาะเรื่องดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และอาชญากรรมข้ามชาติ ดังนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่อาเซียนจะต้องร่วมมือกัน

การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนครั้งนี้ มีนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เยือนไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 30 ก.ค. ถึง 3 ส.ค. และเข้าร่วมประชุมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนตามคำเชิญของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของไทยด้วย

ภารกิจสำคัญของนายหวังคือ การประชุมอาเซียน-จีน การประชุมไตรภาคีร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีใต้และญี่ปุ่น การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชียตะวันออกซึ่งจะเป็นการพบหารือร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียน และการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เออาร์เอฟ)

อีกหนึ่งภารกิจคือ นายหวังในฐานะผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลปักกิ่ง จะประชุมร่วมกับสมาชิกอาเซียนและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลไทยอีกด้วย เพื่อพูดคุยขยายกรอบความร่วมมือตามแนวทางแผนยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางด้วย.