บทวิเคราะห์ : ประชาธิปไตยแบบสหรัฐอเมริกาขัดต่อผลประโยชน์ของประชาชน 

0
1

สหรัฐอเมริกามักโอ้อวดยกตนเองว่าเป็นตัวอย่างประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่ประชาชนชาวอเมริกันกลับต้องเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้นทุกวันในการปกป้องสิทธิประโยชน์ของตน

การเมืองในระบอบประชาธิปไตยควรตอบสนองความปรารถนาของประชาชนในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และประชาธิปไตยที่แท้จริงจะต้องทำให้การบริหารการปกครองประเทศมีประสิทธิภาพ แต่ทุกวันนี้ สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น ธนกิจการเมือง ความแตกแยกในสังคม อาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง และความเหลื่อมล้ำในสังคมด้านความมั่งคั่งที่มีความรุนแรงมากขึ้น ข้อบกพร่องของระบอบประชาธิปไตยแบบสหรัฐอเมริกา ได้แทรกซึมเข้าไปในเกือบทุกด้านของโครงสร้างการเมืองและสังคม ทำให้ประเทศตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ที่ประชาธิปไตยถูกบิดเบือน การเมืองไร้ประสิทธิภาพ และสังคมไม่เป็นระเบียบ

ตามรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา ผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาเสพติดในสหรัฐอเมริกาในแต่ละปีสูงถึง 100,000 ราย แต่แทนที่จะดำเนินการเพื่อปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดและผู้ใช้ยาเสพติด รัฐบาลระดับต่างๆของสหรัฐอเมริกากลับเร่งดำเนินการเพื่อให้กัญชาถูกกฎหมายและจัดหา “สถานที่ปลอดภัย” ให้แก่ผู้ใช้ยาเสพติดเฟนทานิลและเฮโรอีน

นอกจากปัญหายาเสพติด ความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวของกลุ่มผลประโยชน์พิเศษ และนักการเมืองสหรัฐอเมริกา ทำให้ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน การกำกับดูแลระบบธนาคารในประเทศต้องประสบความล้มเหลว

แม้ผู้บรรลุนิติภาวะ 71% ในสหรัฐอเมริกา ต้องการเห็นกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดขึ้น แต่การแบ่งขั้วทางการเมืองทำให้การบัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธปืนต้องเผชิญกับความยากลำบากมาก ผลที่ตามมาก็คือ ปีนี้  สหรัฐฯ เกิดเหตุกราดยิงรุนแรงมากกว่า 130 ครั้งแล้ว รวมถึงเหตุกราดยิงครั้งล่าสุดที่โรงเรียนในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ทำให้มีเด็ก 3 คนและผู้ใหญ่ 3 คนเสียชีวิต การสำรวจพบว่า สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีจำนวนอาวุธปืนที่อยู่ในมือพลเรือนมากกว่าประชากร ผลการสำรวจขององค์กรวิจัย Small Arms Survey ในสวิตเซอร์แลนด์ แสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันทุก 100 คนมีอาวุธปืน 120 กระบอก

ส่วนการล่มสลายลงอย่างกะทันหันของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ เป็นเครื่องเตือนใจว่า ระบบการเมืองของสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ

ย้อนกลับไปในปี 2010 สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาได้ผ่านญัตติเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎระเบียบในการกำกับดูแลระบบการเงินของประเทศ โดยกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีสินทรัพย์เกินกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต้องผ่านการทดสอบความเครียดประจำปี เพื่อหลีกเลี่ยงการซ้ำรอยวิกฤตการเงินปี 2008

อย่างไรก็ตาม ด้วยอำนาจของนายธนาคารที่ต่อสู้เพื่อล้มญัตติดังกล่าว ต่อมา สภาคองเกรสสหรัฐอเมริกายอมแก้ไขญัตติดังกล่าว โดยปรับเพิ่มเกณฑ์สินทรัพย์ของธนาคารที่ต้องผ่านการทดสอบความเครียดจาก 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐมาเป็น 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นักวิเคราะห์เห็นว่า การปรับปรุงญัตติครั้งนี้ทำให้ธนาคารขนาดเล็กและขนาดกลางของสหรัฐอเมริกาได้สะสมความเสี่ยงอย่างมาก

ภายใต้การชักใยของธนกิจการเมือง ประชาธิปไตยแบบอเมริกันกลายเป็นระบบการเมืองที่รับใช้ผลประโยชน์ของกลุ่มทุน และเป็นระบอบคณาธิปไตย นั่นคือสาเหตุที่สหรัฐอเมริกา มีเงินเพียงเล็กน้อยในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังทรุดโทรม แต่กลับหมกมุ่นอยู่กับการใช้จ่ายทางการทหารมากขึ้นเรื่อยๆ สถาบันวัตสันแห่งมหาวิทยาลัยบราวน์ประเมินไว้ในรายงาน “ต้นทุนของสงคราม” ว่า  สหรัฐอเมริกาใช้เงินกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในการทำสงครามหลังเหตุการณ์ 9/11

ปัจจุบัน ชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ตระหนักดีว่า ระบบการเมืองของสหรัฐอเมริกามีปัญหามากมายจนไม่สามารถปกครองบริหารประเทศอย่างเป็นระเบียบ และรัฐบาลไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างทันท่วงที ผลสำรวจล่าสุดของ Pew Center แสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกัน 65 เปอร์เซ็นต์แสดงความคิดเห็นว่า ระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกาจำเป็นต้องมีการปฏิรูปขนานใหญ่ ขณะที่ 57 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่า สหรัฐอเมริกาไม่ใช่แบบอย่างที่ดีของการเมืองประชาธิปไตยอีกต่อไป

เขียนโดย ไช่ เจี้ยนซิน ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน(CMG)