สร้างกลไก “การลงพื้นที่ระดับรากหญ้า 4 ประการ”– เส้นทางสี จิ้นผิง (46)

0
21
นายสี จิ้นผิงดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเขตหนิงเต๋อ มณฑลฝูเจี้ยนระหว่างปี ค.ศ.1988-1990

เดือนมิถุนายน ค.ศ.1988 ทันทีที่นายสี จิ้นผิงซึ่งเพิ่งมีอายุครบ 35 ปีบริบูรณ์เดินทางมารับตำแหน่งที่เขตหนิงเต๋อ มณฑลฝูเจี้ยน เขาได้ทุ่มเทกับการลงพื้นที่พบปะประชาชนระดับรากหญ้า

เดือนแรกในการเดินทางลงพื้นที่ชนบทเพื่อสำรวจสภาพความเป็นจริงประกอบการศึกษาเชิงลึก นายสี จิ้นผิงมีผู้ติดตามเพียง 2-3 คน เดือนที่สอง นายสี จิ้นผิงยังคงลงพื้นที่เก็บรวมรวมข้อมูลต่อไป โดยทั่วไปหนึ่งอำเภอใช้เวลาสองวัน ตำบลและหมู่บ้านสำคัญๆของแต่ละอำเภอต่างก็ต้องไปเดินสำรวจให้ได้ ในเวลาไม่ถึงสามเดือนหลังเข้ารับตำแหน่ง นายสี จิ้นผิงได้ลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมจนครบเก้าอำเภอทางตะวันออกของมณฑลฝูเจี้ยน ครอบคลุมหมู่บ้านและตำบลส่วนใหญ่

คำพูดและการกระทำของเลขาธิการพรรคคนใหม่อยู่ในสายตาของนายเฉิน เจิงกวง ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารเขตหนิงเต๋อซึ่งร่วมเดินทางลงพื้นที่กับนายสี จิ้นผิง เขาเล่าให้ฟังว่า แต่ละวันเมื่อเดินทางไปถึงอำเภอ สิ่งแรกที่นายสี จิ้นผิงต้องทำคือรับฟังรายงานการปฏิบัติงาน โดยไม่นิยมให้รายงานแบบอ่านตามต้นฉบับ ให้พูดแต่สาระสำคัญเท่านั้น จากนั้นนายสี จิ้นผิงมักจะอ่านพงศาวดารท้องถิ่นเพื่อลงลึกทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของอำเภอ ทุกที่ที่ไปถึง นายสี จิ้นผิงต้องไปเยี่ยมหมู่บ้าน วิสาหกิจ และครอบครัวเกษตรกรทุกครั้ง

“ความประทับใจแรกพบที่ผมมีนั้น ท่านไม่ใช่ผู้นำที่นั่งฟังรายงานในสำนักงาน แต่เป็นผู้นำที่ชอบออกพื้นที่แสวงหาสภาพความเป็นจริง แนวคิด และคำตอบจากระดับรากหญ้า” นายเฉิน เจิงกวงเคยเล่าย้อนถึงรายละเอียดในการลงพื้นที่สำรวจครั้งหนึ่งว่า ณ อำเภอผิงหนานซึ่งอยู่ในเขตภูเขาลึกของเมืองหนิงเต๋อ ชาวบ้านต้อนรับนายสี จิ้นผิงด้วยมารยาทสูงสุด- “อ้ายเยี่ยชงไข่” (คือการนำอ้ายเยี่ย(ภาษาจีนกลาง)หรือเฮี่ยเฮี๊ยะ (จีนแต้จิ๋ว)ซึ่งเป็นพืชที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า”Argy Wormwood Leaf” มาต้มเพื่อทำเป็นเครื่องดื่มเมื่อคนให้เข้ากันแล้วใช้รับรองแขกผู้มีเกียรติ)  เจ้าหน้าที่ผู้ติดตามกังวลว่านายสี จิ้นผิงอาจจะไม่คุ้นเคยกับการดื่มเช่นนี้ จึงรีบเข้ามาห้าม แต่นายสี จิ้นผิง โบกมือให้เจ้าหน้าที่หยุดแล้วหยิบขึ้นมาดื่มจนหมดชาม บรรดาชาวบ้านต่างรู้สึกปลื้มปีติและมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับนาย สี จิ้นผิงขึ้นมาในทันที

เริ่มต้นด้วยการลงลึกสำรวจและศึกษาค้นคว้าในระดับรากหญ้า นายสี จิ้นผิงค่อยๆ สร้างกลไก “การลงพื้นที่ระดับรากหญ้า 4 ประการ” อันได้แก่ การลงพื้นที่ระดับรากหญ้าเพื่อประชาสัมพันธ์แนวทาง หลักการและนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์จีน การลงพื้นที่ระดับรากหญ้าเพื่อสำรวจข้อมูลประกอบการวิจัย การลงพื้นที่ระดับรากหญ้าเพื่อรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์  (“การร้องเรียนร้องทุกข์” หมายถึงบุคคลหรือกลุ่มบุคคลติดต่อกับองค์กรหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ของพรรคการเมือง รัฐบาล องค์กรทางสังคม สภาผู้แทนประชาชน องค์กรตุลาการ สภาปรึกษาการเมือง ชุมชนและวิสาหกิจด้วยรูปแบบต่างๆ เช่น จดหมาย อีเมล โทรศัพท์ โทรสาร ข้อความ และอื่น ๆ เพื่อสะท้อนสภาวะการณ์ แสดงความคิดเห็นของตนเอง และขอให้แก้ไขปัญหา โดยองค์กรหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ต้องดำเนินการด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง) และการลงพื้นที่ระดับรากหญ้าเพื่อดำเนินงาน ณ สถานที่เกิดเหตุ (หมายถึงการประชุม ณ สถานที่เกิดเหตุซึ่งจัดขึ้นโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามคำสั่งของผู้นำในประเด็นเฉพาะ และโดยทั่วไปการประชุมจะต้องมีข้อสรุปเกี่ยวกับหน้าที่ ความรับผิดชอบ และระยะเวลาในการดำเนินการ ตลอดจนรายการที่ต้องผ่านการตรวจรับ ฯลฯ)

ในเวลานั้น นายจาง เสวียชิง รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารเขตหนิงเต๋อทำหน้าที่รับผิดชอบงานรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ แต่เขาเป็น “มือใหม่” หลังจากมีกลไก “การลงพื้นที่ระดับรากหญ้า 4 ประการ” เขารู้สึกกลัวความยากลำบาก

“หนึ่ง ผมกลัวแกว่งเท้าหาเสี้ยน สอง กลัวงานมวลชนจะทำได้ยาก จะทำอย่างไรหากมีคนหาเรื่องอย่างไร้เหตุผล สาม กลัวไม่สามารถคลี่คลายปัญหาที่ชาวบ้านเสนอขึ้นได้ สี่ กลัวกลไก “การลงพื้นที่ระดับรากหญ้า 4 ประการ” จะไม่ยั่งยืน สุดท้ายมันกลายเป็น “โครงการไปได้เพียงครึ่งทาง” นายจาง เสวียชิงกล่าว

นี่ไม่ใช่ความกังวลของเขาคนเดียว เจ้าหน้าที่จำนวนไม่น้อยต่างก็กำลังจับตามองว่านายสี จิ้นผิงจะทำอย่างไร

แปลเรียบเรียงโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน(CMG)

ติดตามตอนก่อนหน้าได้ที่

http://www.tcjapress.com/2023/08/02/xi-way-45