บทวิเคราะห์ : จีนยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก

0
1

เมื่อเร็วๆ นี้ ประเทศเศรษฐกิจหลักๆ ของโลกเผชิญกับความท้าทายอันหนักหน่วงจากปัจจัยต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วโลก ได้ทยอยเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจประจำปี ซึ่งปรากฏว่าเมื่อปี 2023 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของสหรัฐอเมริกาเติบโต 2.5% ฝรั่งเศสเติบโต 0.9% เยอรมนีอัตราการเติบโตติดลบ ยูโรโซนและสหภาพยุโรปเติบโต 0.5%

ในขณะที่เมื่อปีที่แล้วจีดีพีของจีนเกิน 126 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หากมองจากแง่มูลค่าที่เพิ่มขึ้น แม้การเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัว แต่ก็ยังคงสูงกว่าอัตราการเติบโตทั่วโลกที่อยู่ในระดับประมาณ 3% และยังคงติดอันดับต้นๆในกลุ่มเศรษฐกิจหลักของโลก โดยจีดีพีที่เพิ่มขึ้นของจีนยังคงเทียบเท่ากับจีดีพีของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดกลางหนึ่งประเทศ นับถึงปี 2023 จีนมีเมืองที่มีจีดีพีเกิน 1 ล้านล้านหยวนมากถึง 26 เมืองแล้ว

นักสังเกตการณ์ชี้ให้เห็นว่าปีที่แล้ว เศรษฐกิจจีนยังคงมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมากกว่า 30% และยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆนี้สื่อมวลชนและคลังสมองตะวันตกบางแห่งได้กุข่าวให้ร้ายเศรษฐกิจจีนรอบใหม่ โดยประโคมมุมมองในแง่ลบต่างๆ เช่น “เศรษฐกิจของจีนถึงจุดสูงสุดแล้ว” และ “ทุนต่างประเทศถอนตัวออกจากจีน” เป็นต้น

แน่นอนว่าเศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับความยากลำบากและความท้าทายอยู่ไม่น้อยก็จริง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจีนกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการเร่งเปลี่ยนผ่านจากแรงขับเคลื่อนเก่าสู่แรงขับเคลื่อนใหม่ และเป็นช่วงเวลาสำคัญของการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูงซึ่งเปี่ยมด้วยโอกาสการพัฒนามากมายมหาศาล

ในการประชุมฟอรั่มเศรษฐกิจโลกประจำปี 2024 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นายเควิน รัดด์ อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียและเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบันได้หักล้างอย่างหนักแน่นต่อคำพูดที่ว่า “จีนถึงจุดสูงสุดแล้ว” และเน้นย้ำว่า “ศักยภาพที่ยังไม่ได้ถูกบุกเบิกของตลาดผู้บริโภคในจีน”จะส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว

กองทุนการเงินระหว่างประเทศระบุใน “รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก” ฉบับล่าสุดว่า การเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2024 มีโอกาสที่จะเติบโตมากขึ้น โดยปัจจัยบวกสำคัญๆนั้นรวมถึงการที่เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวเร็วขึ้น

นับตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่ปี 2024 เป็นต้นมา การบริโภคทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนเฟื่องฟูอย่างต่อเนื่อง ในช่วง “ชุนยุ่นหรือมหกรรมการขนส่งผู้โดยสารช่วงเทศกาลตรุษจีน”ที่กินเวลา 40 วัน คาดว่าการเดินทางข้ามภูมิภาคของผู้คนเมื่อนับรวมทุกเที่ยวของการเดินทางจะสูงถึง 9,000 ล้านคน ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์……………จีนกำลังปล่อยพลังขับเคลื่อนการบริโภคที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ความมีชีวิตชีวาทางเศรษฐกิจที่มากยิ่งขึ้น และศักยภาพการเติบโตที่ใหญ่ยิ่งขึ้น

รัฐบาลจีนได้ออกนโยบายการปรับตัวและบริหารจัดการเศรษฐกิจมหภาคต่างๆ และกำลังมุ่งเน้นไปที่การขยายอุปสงค์ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของผู้ประกอบการ การป้องกันความเสี่ยง และการประกันชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจดำเนินไปด้วยดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายงานสรุปของธนาคารโลกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนคาดว่า ภายใต้แรงหนุนจากการค่อยๆฟื้นตัวของความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการกระตุ้นด้วยนโยบาย แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะยังคงมีเสถียรภาพต่อไป

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ เช่น ต้นทุนแรงงานในจีนที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนผ่านเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมภายในประเทศ และความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ฯลฯ บางบริษัทได้วางแผนเชิงรุกในทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ย้ายไปดำเนินการผลิตในประเทศอื่นๆสำหรับสินค้าที่ใช้แรงงานมากและส่งผลกระทบต่อต้นทุน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจีนได้ฝังลึกอยู่ในการแบ่งงานของห่วงโซ่คุณค่าทั่วโลก จึงเป็นเหตุให้หลายบริษัทที่เคยย้ายฐานออกจากจีนพากันกลับเข้ามาในจีนอีก หรือยังคงต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์กลางน้ำจำนวนมากจากประเทศจีน

“ย้ายไปย้ายมา ก็ยังไม่สามารถออกไปจากจีนได้!” ผู้บริหารวิสาหกิจจำนวนไม่น้อยได้แสดงความคิดเห็นที่คล้ายกัน ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าแม้จะมีการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง แต่สถานะของจีนในห่วงโซ่ดังกล่าวยังคงมีความมั่นคง ทั้งนี้เพราะมีเหตุผลสำคัญอันได้แก่ จีนมีระบบอุตสาหกรรมการผลิตที่ใหญ่ที่สุด มีหมวดหมู่ที่สมบูรณ์ที่สุด และมีระบบสนับสนุนที่ครบครันที่สุดในโลก ขนาดโดยรวมของอุตสาหกรรมการผลิตของจีนติดอันดับหนึ่งของโลกเป็นเวลา 14 ปีติดต่อกัน ประเทศจีนมีโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงและทางด่วนที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีกลุ่มท่าเรือระดับโลก มีสนามบินพลเรือนมากกว่า 240 แห่ง และได้สร้างเครือข่ายใยแก้วนำแสงที่ใหญ่ที่สุดในโลก จีนมีสิทธิบัตรการประดิษฐ์เกิน 4 ล้านฉบับ มากเป็นอันดับที่หนึ่งของโลก……………

ภายใต้สถานการณ์ที่การค้าและการลงทุนทั่วโลกลดลงในปี 2023 ยอดการนำเข้าและส่งออกของจีนเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ยังคงมีส่วนแบ่งในตลาดโลกค่อนข้างสูงในระดับประมาณ 14% ครองอันดับหนึ่งเป็นมหาอำนาจด้านการนำเข้าและส่งออกสินค้าได้อย่างมั่นคง จีนได้กลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของกว่า 140 ประเทศและภูมิภาค นอกจากครองอันดับหนึ่งของโลกในด้านการค้าสินค้าแล้วยังติดอันดับที่สองของโลกในด้านการค้าบริการด้วย

แม้ยอดการลงทุนจากต่างประเทศที่จีนดึงมาได้นั้นมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่สัดส่วนการดึงทุนต่างชาติของจีนคิดเป็นประมาณ 15% ของทั่วโลก ซึ่งยังคงครองอันดับหนึ่งในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและอยู่ในกลุ่มแนวหน้าของโลก

หอการค้าอเมริกันในจีนเพิ่งเผยแพร่รายงานผลการสำรวจครั้งล่าสุดซึ่งแสดงให้เห็นว่า 50% ของบริษัทอเมริกันที่ตอบแบบสำรวจระบุว่าจีนเป็นเป้าหมายอันดับแรกหรือหนึ่งในสามอันดับแรกสำหรับการลงทุนในทั่วโลกของพวกเขา บริษัทที่ตอบแบบสำรวจเหล่านี้ส่วนใหญ่จะยังคงไว้ซึ่งแผนการลงทุนในจีน และ 77% ของบริษัทที่ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าขณะนี้พวกเขาไม่มีแผนที่จะย้ายธุรกิจการผลิตหรือการจัดซื้อจัดจ้างออกจากจีน

รายงานผลการสำรวจความเชื่อมั่นของธุรกิจประจำปี 2023/2024 ที่หอการค้าเยอรมันในจีนเผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้ แสดงให้เห็นว่า 91% ของบริษัทเยอรมันที่ตอบแบบสำรวจระบุว่าพวกเขาจะยังคงปักหลักอยู่ในตลาดจีนต่อไป และไม่มีแผนที่จะย้ายออกจากจีนแต่อย่างใด บริษัทเยอรมันที่ตอบแบบสำรวจมีมากกว่าครึ่งหนึ่งได้วางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในจีนภายในสองปีข้างหน้าด้วยซ้ำ

การลงทุนมักจะพิจารณาถึงปัจจัยระยะกลางถึงระยะยาว เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของเงินทุนต่างประเทศเผยให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจจีนซึ่งพวกเขามองว่ามีความสดใสในระยะยาว

เขียนโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG)