จีนคุมโควิดสายพันธุ์เดลตาอยู่หมัดด้วยมาตรการตัดห่วงโซ่การระบาดที่เฉียบขาด

0
32

จีนคุมโควิดสายพันธุ์เดลตาอยู่หมัดด้วยมาตรการตัดห่วงโซ่การระบาดที่เฉียบขาด

 

การระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาระลอกล่าสุดทำให้จีนต้องยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมทั่วประเทศอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะเมืองที่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อในท้องถิ่นได้เข้าสู่ภาวะสงครามต่อสู้โควิด ไม่แพ้ครั้นเมืองอู่ฮั่นเกิดการระบาดของโควิด-19 อย่างรุนแรงเมื่อต้นปี 2020 โชคดีที่สถานการณ์กำลังคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น จึงมีแนวโน้มที่จีนสามารถเอาชนะการระบาดระลอกใหม่นี้ได้ในไม่ช้า

 

วันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา กลไกร่วมป้องกันควบคุมโควิด-19 แห่งคณะรัฐมนตรีจีนได้จัดงานแถลงข่าวที่กรุงปักกิ่งโดยระบุว่า จนถึงเวลา24.00 . วันที่ 12 สิงหาคม การระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาระลอกล่าสุดในจีนครอบคลุมพื้นที่ 48 เมือง ใน 18 มณฑล มีจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 รวม 1,282 ราย ใน48 เมืองดังกล่าว และมี 36 เมืองไม่ตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มติดต่อกันเป็นเวลากว่า 5 วันแล้ว นอกจากเมืองหยางโจว อู่ฮั่น และจางเจียเจี้ยแล้ว เมืองอื่น ยังมีรายงานตรวจพบผู้ติดเชื้อเพียงประปรายเท่านั้น ในภาพรวมจีนสามารถควบคุมความเสี่ยงไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดทั่วประเทศได้

 

เป็นที่ยืนยันแล้วว่าต้นตอการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในจีนครั้งนี้มาจากเที่ยวบิน CA910 ที่เดินทางจากรัสเซียมายังเมืองหนานจิง (นานกิง) เมืองเอกของมณฑลเจียงซูทางภาคตะวันออกของจีน เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีพนักงานทำความสะอาดที่สนามบินนานาชาติลู่โข่วในเมืองหนานจิงติดเชื้อโควิดจากการปฏิบัติหน้าที่ทำความสะอาดห้องโดยสารของเที่ยวบินนี้ จากนั้นได้ระบาดในกลุ่มเพื่อนพนักงานทำความสะอาดด้วยกันก่อนแพร่ระบาดในวงกว้างออกไป

 

สาเหตุสำคัญที่การระบาดครั้งนี้ลุกลามไปยังมณฑลอื่น อย่างรวดเร็วนั้นประกอบด้วยประการแรก เวลากลุ่มคนแรก 9 คน ซึ่งรวมถึงพนักงานทำความสะอาดดังกล่าวถูกพบติดเชื้อโควิดจากการตรวจกรดนิวคลีอิกที่ดำเนินการเป็นประจำเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ซึ่งเวลาได้ผ่านพ้นไปแล้วถึง 10 วัน จากวันที่เที่ยวบินCA910 เดินทางถึงเมืองหนานจิง จึงคาดว่าก่อนยกระดับมาตรการควบคุมเข้มข้น สนามบินลู่โข่วได้กลายเป็นคลัสเตอร์ใหญ่แหล่งแพร่เชื้อไปยังพื้นที่อื่น ทั้งในและนอกมณฑลเจียงซูแล้วตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม ประการที่สองการแพร่ระบาดเกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาซึ่งสามารถแพร่เชื้อได้รุนแรง ลักษณะของผู้ป่วยมีอาการเริ่มแรกไม่ชัดเจน แต่โรคดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดยเวลาเฉลี่ยในการเปลี่ยนไปสู่ระยะรุนแรง คือ 5 วัน และประการที่สาม การแพร่ระบาดเกิดขึ้นในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ซึ่งมีผู้คนจำนวนมากออกเดินทางท่องเที่ยวและพักผ่อน เช่น เมืองจางเจียเจี้ย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในจีนได้เกิดการระบาดของโควิดในหมู่นักท่องเที่ยวที่มีต้นตอมาจากเมืองหนานจิง

 

ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม จีนได้ยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมสถานการณ์โควิดอย่างเข้มข้น ครอบคลุมและต่อเนื่อง โดยรัฐบาลส่วนกลางได้จัดส่งทีมงานลงพื้นที่กว่า 20 ทีมงานเพื่อกวดขันและแนะแนวการรับมือสถานการณ์ครั้งนี้ โดยเน้นเร็ว และเฉียบขาด เพื่อตัดห่วงโซ่การระบาดของไวรัสให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ มาตรการอันโดดเด่น เข้มข้นและสำคัญที่สุดที่เมืองต่าง ของจีนได้ดำเนินการนั้นหนึ่ง คือ การล็อกดาวน์ ซึ่งแบ่งเป็นการล็อกดาวน์ตั้งแต่ระดับชุมชนถึงระดับเมือง เช่นเมืองหนานจิง และหยางโจว เป็นต้น ตามระดับความรุนแรงของสถานการณ์ และสอง คือ การปูพรมตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อด้วยการตรวจกรดนิวคลีอิก เมื่อเร็ว นี้ทางการจีนได้ออกหนังสือเวียน ระบุว่า หากเมืองใดตัดสินใจว่าจำเป็นต้องทำการตรวจกรดนิวคลีอิกแก่ชาวเมืองทุกคน การตรวจที่ครอบคลุมทุกคนหนึ่งรอบต้องทำให้เสร็จภายในเวลา 2 วัน สำหรับเมืองที่มีประชากรต่ำกว่า 5 ล้านคน และต้องตรวจให้แล้วเสร็จภายในเวลา 3 วันสำหรับเมืองที่มีประชากรมากกว่า 5 ล้านคน ทั้งนี้ไม่ได้เกินกำลังความสามารถของเมืองต่าง ในจีน เช่น เมืองหนานจิง อู่ฮั่น และเจิ้งโจว ซึ่งทั้งสามหัวเมืองใหญ่ล้วนมีประชากรใกล้เคียงหรือมากกว่า 10 ล้านคน ในช่วงเวลาไม่นานที่ผ่านมาต่างก็ทำการตรวจกรดนิวคลีอิกแก่ประชากรทุกคนในเมืองมาแล้วหลายรอบโดยแต่ละรอบใช้เวลาไม่เกิน 3 วันทั้งนั้น ส่วนเมืองหยางโจว มณฑลเจียงซู ซึ่งเป็นเมืองที่ขณะนี้ยังมีสถานการณ์การระบาดของโควิดรุนแรงกว่าเมืองอื่นนั้นกำลังทำการตรวจกรดนิวคลีอิกแก่ประชาชนทุกคนที่เข้าข่ายความเสี่ยงเป็นรอบที่ 7 แล้ว

 

ควบคู่ไปกับมาตรการล็อกดาวน์จีนยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการใช้มาตรการสร้างหลักประกันด้านอาหารการกิน ยารักษาโรค และอื่น แก่ชาวชุมชนที่ถูกล็อกดาวน์ เช่น ประกันให้ชาวชุมชนสามารถสั่งซื้อของกินของใช้ในชีวิตประจำวันได้ผ่านระบบออนไลน์ในราคาปกติโดยตั้งกลไกรับส่งของกินของใช้ที่ปลอดเชื้อและปลอดภัย หากจำเป็นจะมีทีมงานคอยรับฝากซื้อและส่งถึงบ้านได้ด้วย ทั้งนี้ทางการท้องถิ่นต้องประสานกับหน่วยงานฝ่ายต่าง เช่นหน่วยงานด้านพาณิชย์ คมนาคม และตำรวจเป็นต้น เพื่อประกันให้มีสินค้าส่งถึงเขตชุมชนที่ถูกล็อกดาวน์อย่างเพียงพอและปลอดภัย หากชาวชุมชนต้องการซื้อยารักษาโรค นอกจากสั่งซื้อเองผ่านระบบออนไลน์แล้วก็ยังสามารถฝากทีมงานอาสาสมัครซื้อให้และส่งถึงบ้านได้เช่นกัน ข้อมูลสถิติของธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีนซึ่งเป็นธนาคารกลางของจีน ระบุว่านับถึงเดือนธันวาคม ปี 2020 ชาวจีนมีเงินฝากธนาคารเฉลี่ยต่อหัว 6.7 หมื่นหยวน หรือ ราว3.3 แสนบาท การล็อกดาวน์ในระยะสั้นจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับชาวจีนส่วนใหญ่ด้านค่าใช้จ่าย ทุกครัวเรือนสามารถแบกรับค่าใช้จ่ายได้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ถูกล็อกดาวน์ ขอเพียงซื้อของได้และสินค้าไม่ขึ้นราคา ซึ่งทางการท้องถิ่นต่าง ของจีนทำหน้าที่นี้ได้ค่อนข้างดีมาโดยตลอด ระหว่างนี้นอกจากเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐอื่น ที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังมีสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนระดับพื้นฐานและอาสาสมัครจำนวนมากได้แสดงบทบาทโดดเด่นด้วยการทุ่มเททำงานอย่างเสียสละไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย

 

ด้วยมาตรการล็อกดาวน์และเร่งตรวจกรดนิวคลีอิกอย่างเฉียบขาด ตลอดจนมาตรการอื่น สถานการณ์การระบาดในจีนของโควิด-19 ครั้งล่าสุดนี้กำลังคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ช่วงหลายวันที่ผ่านมามีหลายเมือง เช่น เมืองหนานจิง และเฉิงตู เป็นต้น ได้ทยอยประกาศปรับลดการเฝ้าระวังโควิดในหลายพื้นที่เป็นระดับต่ำแล้ว อย่างไรก็ตามปัจจุบันจีนยังคงมีพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิดระดับสูงและกลางทั่วประเทศรวมมากกว่า 100 แห่ง อีกทั้งสถานการณ์มหันตภัยโควิด-19 สายพันธุ์เดลตายังคงทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกล่าสุดทางการจีนจึงได้อัปเดตคู่มือการป้องกันควบคุมโควิดแก่หน่วยงานและประชาชนโดยเรียกร้องให้ยกการ์ดสูงยิ่งขึ้นแม้อยู่ในพื้นที่ปลอดจากโควิดในปัจจุบันก็ตาม

 

จากสถิติที่ประกาศโดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน นับถึงวันที่ 13 สิงหาคม แผ่นดินใหญ่จีนมียอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมอยู่ที่94,326 ราย ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยจากต่างประเทศสะสม 7,845 ราย โดยมีผู้ป่วยที่ยังรักษาตัว1,907 ราย รวมถึงผู้ป่วยอาการหนัก 62 ราย ผู้หายป่วยสะสม 87,783 ราย ผู้ป่วยเสียชีวิตสะสม4,636 ราย และมีผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อซึ่งอยู่ระหว่างการเฝ้าระวังอาการทางการแพทย์รวม46,044 ราย เป็นที่น่ายินดีว่าเป็นเวลานานแล้วที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สะสมในจีนอยู่ที่ 4,636 ราย ถือเป็นการยืนยันว่าปัจจุบันจีนไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาระลอกใหม่ล่าสุดแม้แต่รายเดียว

 

นับจนถึงวันที่ 12 สิงหาคม จีนฉีดวัคซีนป้องกันโควิดทั่วประเทศแล้วรวมกว่า 1,832 ล้านโดสโดยมากกว่า 777 ล้านคนรับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ในจำนวนนี้เด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 12 – 17 ปีได้รับวัคซีนแล้วรวมกว่า 60 ล้านโดส ในด้านการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนในจีนนั้น จากข้อมูลเท่าที่ปรากฏในปัจจุบัน มุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนของจีนสรุปได้ดังนี้ วัคซีนที่ใช้อยู่ในขณะนี้ยังคงมีบทบาทป้องกันการติดเชื้อโควิด ลดการติดเชื้อ ลดอาการป่วยจากหนักเป็นเบา และลดอัตราการตาย แม้เผชิญกับสายพันธุ์เดลตาก็ตาม ไม่ควรให้วัคซีนข้ามประเภท เช่น หากโดสแรกเป็นชนิดเชื้อตาย โดสที่สองก็ควรเป็นชนิดเชื้อตายเช่นกัน แต่หากเป็นชนิดเดียวกันสามารถใช้แทนกันได้ เช่น โดสแรกเป็นวัคซีนซิโนแวค โดสที่สองสามารถใช้วัคซีนซิโนฟาร์มแทนได้ ทั้งนี้ จีนยังไม่มีนโยบายให้วัคซีนโดสกระตุ้นในขณะนี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวยังคงอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยทั้งด้านความจำเป็น ความปลอดภัย และช่วงเวลาที่เหมาะสม

เขียนและเรียบเรียงโดย Lu Yongjiang

เจ้าหน้าที่ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกาสถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน