“เมื่อชีวิตประชาชนต้องมาก่อน” – เส้นทางสีจิ้นผิง(2)

0
8

“เมื่อชีวิตประชาชนต้องมาก่อน” – เส้นทางสีจิ้นผิง(2)

ในช่วงเดือนเมษายน ปี 1982 หลังรับตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำอำเภอเจิ้งติ้ง นายสี จิ้นผิง ได้เริ่มต้นออกพบปะชาวบ้าน โดยหมู่บ้านแรกที่เขาได้ไปพูดคุยก็คือหมู่บ้านซานเจี่ยว ตำบลหย่งอัน ซึ่งอยู่ติดกับอำเภอเมืองเจิ้งติ้ง ที่หมู่บ้านแห่งนี้มีผลผลิตธัญพืชกว่า 500 กิโลกรัมต่อโหม่ว (2.4 โหม่วเท่า 1 ไร่) ซึ่งถือว่าเป็นผลผลิตที่สูง ในแต่ละปีอำเภอเจิ้งติ้งมีหน้าที่ส่งมอบธัญพืชแก่ภาครัฐมากถึง 76 ล้านชั่ง หลังจากส่งให้รัฐแล้วที่เหลือจึงเป็นของประชาชน แต่สิ่งที่สี จิ้นผิง คาดไม่ถึงเมื่อได้พูดคุยกับชาวบ้านคือชาวบ้านบอกกับเขาว่ามีอาหารไม่พอกิน

“ทำงานปีหนึ่ง แต่มีอาหารไม่พอถึงสิ้นปี”

“อาหารจะแบ่งตามจำนวนคน ครอบครัวไหนที่มีแรงงานวัยทำงานหลายคนอาหารก็จะยิ่งไม่พอ”

“ครอบครัวไหนที่มีอาหารไม่พอ ก็มักจะแอบไปขอแลกมันเทศแห้งจากหมู่บ้านในอำเภอใกล้เคียง เช่นอำเภอซินเล่อ มากินประทังชีวิต”

“ธัญพืช 1 ชั่ง (2 ชั่งเท่า 1 กิโลกรัม) สามารถแลกกับมันเทศตากแห้ง 3-5 ชั่ง ยังไงก็ดีกว่าไม่มีอะไรกิน”

คำพูดเหล่านี้ของชาวบ้าน ทำให้สี จิ้นผิง ซึ่งอยู่ในตำแหน่งรองเลขาฯ พรรค ประจำอำเภอเจิ้งติ้ง ตัดสินใจเดินเข้าไปคุยกับนายเฉิง เป่าหวย รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯ ประจำอำเภอเจิ้งติ้ง เขาถามเพื่อนร่วมงานว่าที่บอกว่าได้เลือกอำเภอดีให้เขานั้น คำว่า “อำเภอดี” ในสายตาของท่านคืออะไร  นายเฉิง เป่าหวย พูดว่า “เจิ้งติ้งของเราก็คืออำเภอดีนะครับ” เพราะ 1. เจิ้งติ้งสร้างคุณูปการสำคัญต่อประเทศโดยส่งมอบธัญพืชแก่ภาครัฐต่อปีมากเป็นที่หนึ่งในมณฑล  2.ทีมผู้นำอำเภอมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  และ 3. ที่นี่เป็นอำเภอก้าวหน้าของประเทศใน “การเรียนรู้ทางเกษตรกรรมกับหมู่บ้านต้าไจ้ ” และในส่วนของหมู่บ้านซานเจี่ยว ถือเป็นหมู่บ้านที่ก้าวหน้าที่สุด ท้องที่ต่างๆ ทั่วประเทศก็ส่งคนมาเยี่ยมชมและเรียนรู้

หลังจากที่ สี จิ้นผิงฟังจบเขาถามกลับว่า  “คุณคิดว่าการเป็น ‘อำเภอดี’ ควรตัดสินจากชีวิตชาวบ้านหรือเปล่า?”  หมู่บ้านซานเจี่ยวที่คุณเพิ่งพูดถึงนั้นแม้ผลผลิตต่อโหม่วมากกว่า 1,000 ชั่ง แต่ชาวบ้านยังอดอยากแอบไปแลกมันเทศแห้งมากินจากอำเภอใกล้เคียง เรื่องเหล่านี้คุณเคยรู้หรือไม่” และเพื่อนร่วมงานของเขาก็ตอบว่า “รู้”  สี จิ้นผิง พูดต่อว่าสภาพปัจจุบันของเจิ้งติ้ง คือเศรษฐกิจที่เน้นเกษตรกรรม ด้านเกษตรกรรมเน้นการปลูกธัญพืช เรามองว่าการส่งมอบอาหารแก่ภาครัฐยิ่งเยอะยิ่งดี แต่รายได้ของประชาชนกลับน้อยลง จริงๆ แล้วเราเป็น ‘อำเภอที่มีผลผลิตมากแต่ยากจน’! สี จิ้นผิงแนะนำว่า “เราควรรายงานต่อผู้บังคับบัญชาพยายามขอลดปริมาณการส่งมอบธัญพืชแก่ภาครัฐ” เขามองว่าปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้เขาก็คงไม่สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้ เรื่องการส่งมอบอาหารให้ภาครัฐมากเกินไปจนชาวบ้านเดือดร้อนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในหมู่บ้านซานเจี่ยวและไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในอำเภอเจิ้งติ้ง แต่ไม่มีใครที่จะกล้าพูดตรง ๆ ในที่สุดนายสี จิ้นผิง และนางหลี่ว์ ยี่ว์หลัน ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯ ประจำอำเภอ พวกเขาทั้งสองตัดสินใจร่วมรายงานปัญหานี้ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในที่สุดก็ได้มีการจัดตั้งทีมสืบสวนร่วมเข้ามาตรวจสอบ และได้รับทราบถึงสภาพความเป็นจริงเกี่ยวกับการส่งมอบธัญพืชแก่ภาครัฐของอำเภอเจิ้งติ้ง  ผลจากการตรวจสอบทำให้ในปีนั้นจำนวนการส่งมอบธัญพืชของทั้งอำเภอลดลงถึง 28 ล้านชั่ง ตั้งแต่นั้นมาบนโต๊ะอาหารของชาวบ้านในอำเภอเจิ้งติ้งจึงมี “หมั่นโถว” ที่ทำจากแป้งสาลีขาวเพิ่มขึ้นและมีมันเทศแห้งน้อยลง

นอกจากจะช่วยชาวบ้านให้อยู่ดีกินดีขึ้นแล้ว นายสี จิ้นผิง ยังคิดค้นวิธีการใช้ประโยชน์จากที่ดินริมน้ำซึ่งมีเนื้อที่รวม 143,000 โหม่ว เขาชี้นำและขับเคลื่อนให้ปลูกพืชที่ให้ผลทางเศรษฐกิจ เช่น ผลไม้ป่า ถั่วลิสง แตง และผัก เป็นต้น  หลังจากลดการส่งผลผลิตเข้ารัฐ เพิ่มผลผลิตจากพื้นที่ริมน้ำ ทำให้ในปี 1983 รายได้เฉลี่ยต่อหัวในชนบทของอำเภอเจิ้งติ้งอยู่ที่ 358 หยวน เพิ่มขึ้น 52.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ครั้งหนึ่งนายสี จิ้นผิง เคยให้สัมภาษณ์กับอดีต บก.นิตยสาร “เยาวชนเหอเป่ย” ตอบคำถามว่าทำไมในตอนนั้นจึงกล้ารายงานเรื่องการส่งมอบธัญพืชในปริมาณมากเกินกับผู้บังคับบัญชาทั้ง ๆ ที่อาจเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าทำ สี จิ้นผิงตอบว่าเพราะเขาทนไม่ได้ที่ต้องเห็นชาวบ้านลำบาก นอกจากปัญหาดังกล่าวในช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่นั่นเขายังพยายามที่จะจัดการกับปัญหาที่ “สกปรก ไร้ระเบียบ ย่ำแย่” ที่เกิดขึ้นในท้องถิ่น ทำให้สภาพแวดล้อมในเมืองและชนบทของอำเภอเจิ้งติ้งได้รับการปรับปรุงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการพัฒนาโรงเรียนเขาทำหน้าที่อย่างดีที่สุดดูแลทุกข์สุขประชาชนทั้งเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่

เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงานของสี จิ้นผิง ที่เจิ้งติ้ง ที่ถูกบันทึกไว้ในบทความรำลึกถึงนายสี จ้งซวิน (บิดาของนายสีจิ้นผิง) โดยมาดามฉี ซิน ผู้เป็นมารดานั่นก็คือเรื่องของพี่น้องผู้หญิงคู่หนึ่งที่ขึ้นรถไฟโดยไม่มีตั๋ว จากมณฑลหูเป่ย เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1983  สองสาวเดินทางมาหาญาติที่มณฑลเหอเป่ยแต่ไม่พบและใช้เงินที่ติดตัวมาหมดแล้ว เมื่อนายตรวจมาพบทั้งสองก็ร้องไห้ขอความเห็นใจ นายสีจิ้นผิงเห็นภาพนั้นจึงจ่ายเงินซื้อตั๋วให้กับสองพี่น้อง  ต่อมาทั้งสองพี่น้องได้กลับไปเอาเงินที่บ้านและพยายามตามหานายสี จิ้นผิง พยายามที่จะมาคืนค่าตั๋วให้เขา แต่เมื่อพบกันนายสีจิ้นผิง กลับปฏิเสธที่จะรับเงินนั้นคืน และยังให้เจ้าหน้าที่ส่งพวกเธอขึ้นรถไฟกลับบ้านอีกด้วย  คุณแม่ของสีจิ้นผิงเขียนไว้ในบทความรำลึกว่านี่เป็นสิ่งที่ลูกชายสามารถทำได้เหมือนพ่อนั่นก็คือการใส่ใจทุกข์สุขประชาชน

แปลเรียบเรียงโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน(CMG)

เส้นทางสีจิ้นผิง(1)