ห่วงใยสภาพความเป็นอยู่และความปลอดภัยของประชาชน- เส้นทางสี จิ้นผิง(54)

0
8
นายสี จิ้นผิง ซึ่งขณะนั้นเป็นเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองฝูโจวกำลังพูดคุยกับประชาชนเมื่อปี ค.ศ 1993 (ภาพจากสำนักข่าวซินหัว)

ประชาชนเป็นรากฐานของประเทศ เมื่อรากฐานมีความมั่นคงประเทศชาติก็จะสงบสุข

เวลาประมาณ 19.00 . ของวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.. 1991 รถตู้ 2-3 คันเคลื่อนออกจากอำเภอเมืองฝูชิงอย่างช้าๆ นายสี จิ้นผิง เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองฝูโจวในขณะนั้นและคณะเพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมระดับอำเภอ(เมือง)อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสองวันที่ฉางเล่อและฝูชิง และเริ่มเดินทางกลับ

รถเบรคกะทันหันเมื่อถึงจุดที่ห่างจากอำเภอเมืองฝูชิงสี่กิโลเมตร ในรถตู้มีเสียงตะโกนของใครไม่รู้ดังขึ้นไม่ดีครับข้างหน้าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์!

มองผ่านหน้าต่างรถตามไฟหน้ารถ เห็นจักรยานยนต์คันหนึ่งล้มอยู่กลางถนน โดยมีชายสองคนและหญิงคนหนึ่งนอนอยู่ข้างๆ จักรยานยนต์ เลือดสีแดงเข้มกระจายอยู่ตามพื้นถนน มีคนจำนวนไม่น้อยกำลังมุงดู แต่ยังไม่มีใครเข้าไปให้ความช่วยเหลือ

หยุดรถ จัดการช่วยเหลือ!นายสี จิ้นผิงรีบลงจากรถและเดินเข้าไปหาผู้บาดเจ็บ เมื่อเห็นชายคนหนึ่งมีเลือดไหลออกจากบาดแผลที่น่องไม่หยุด เขาจึงรีบสั่งการทันที เร่งช่วยชีวิตคนก่อนดูแลสถานที่เกิดเหตุด้วย! แบ่งรถมาคันหนึ่งส่งผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาล แจ้งสำนักงานรักษาความมั่นคงสาธารณะเมืองฝูชิงทันที!

ผู้คนในที่เกิดเหตุต่างพร้อมใจยื่นมือเข้ามาช่วย ยกร่างผู้บาดเจ็บอย่างระมัดระวังและส่งไปยังรถตู้ที่เตรียมไว้ จากนั้นรถตำรวจจากสำนักงานรักษาความมั่นคงสาธารณะเมืองฝูชิงก็ถึงที่เกิดเหตุอย่างด่วน

หลังจากผู้บาดเจ็บถูกส่งไปยังโรงพยาบาล รถตู้ที่เหลือจึงเดินทางต่อและแล่นฝ่าความมืดยามค่ำคืนอย่างรวดเร็ว

ปี ค.. 1992 กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ฝูเจี้ยนเดลี่ ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากผู้อ่าน ผู้เขียนก็คือสามคนที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ดังกล่าว หลังได้รับการรักษาอย่างเต็มที่จากบุคลากรทางการแพทย์ พวกเขาค่อยๆ ฟื้นตัวจนหายเป็นปกติแล้ว แพทย์บอกว่าวันนั้นหากส่งตัวไปโรงพยาบาลช้าอีกนิดอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

พวกเขาทราบภายหลังว่า นายสี จิ้นผิง เลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯประจำเมืองเป็นผู้สั่งการให้หยุดรถเพื่อช่วยชีวิตของพวกเขา จดหมายเขียนลงท้ายว่าถ้าเลขาธิการสีไม่ส่งพวกเราไปโรงพยาบาลอย่างทันท่วงที พวกเราสามคนคงตายไปนานแล้ว

นายสี จิ้นผิงทำงานที่มณฑลฝูเจี้ยนเป็นเวลา 17 ปีครึ่ง เขาได้ทิ้งเรื่องราวที่อบอุ่นหัวใจมากมายเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากและคลี่คลายความกังวลให้กับประชาชน

วันที่ 18 มกราคม ค.. 1989 นายสี จิ้นผิง ซึ่งขณะนั้นเป็นเลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯประจำเขตหนิงเต๋อ เดินทางไปยังหมู่บ้านเซียนชุน ตำบลจิ่วตู เมืองหนิงเต๋อ เพื่อเยี่ยมเยียนปลอบขวัญชาวบ้าน เมื่อรู้ว่าครอบครัวของนางจง เจิ้งอิงซึ่งมีสมาชิกสี่คนเก็บเกี่ยวข้าวได้เพียงปีละสิบหาบ (1 หาบเท่า 50กิโลกรัม) และใช้ชีวิตอย่างลำบากมาก นายสี จิ้นผิงจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านจัดการปัญหานี้อย่างเหมาะสม

เมื่อต้นปี ค.1991 หลังจากทราบว่าทรัพยากรประมงของอำเภอผิงถานหมดลง ชาวประมงไม่สามารถจับปลาได้จนเกือบไม่มีอันจะกินแล้วนั้น นายสี จิ้นผิงสั่งให้นายจ้าว โส่วเจิน ซึ่งขณะนั้นเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯประจำเมืองฝูโจวติดตามสถานการณ์นี้โดยเร็ว

นายจ้าว โส่วเจินเดินทางไปถึงอำเภอผิงถาน เขาเดินเข้าไปในบ้านของชาวบ้านที่ยากไร้ เมื่อเปิดฝาหม้อก็เห็นแต่ผักป่าเท่านั้น หลังฟังรายงานจากนายจ้าว โส่วเจิน นายสี จิ้นผิงได้เรียกประชุมหน่วงานที่เกี่ยวข้องซึ่งรวมถึงฝ่ายกิจการพลเรือนด้วยทันที ที่ประชุมตกลงจัดสรรธัญพืชมากกว่า 600,000 ชั่ง (2 ชั่งเท่า 1 กิโลกรัม) ให้กับอำเภอผิงถาน

วันที่ 24 ตุลาคม ค.. 1999 นายสี จิ้นผิง ซึ่งขณะนั้นเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯและรักษาการผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยน ได้เดินทางไปที่ผิงถานอีกครั้งเพื่อเยี่ยมหลิน ตงเหมย และหลิน เฉียน ซึ่งเป็นเด็กสองคนที่นายสี จิ้นผิงจับคู่ให้ความช่วยเหลือเมื่อปี ค..1993 นายสี จิ้นผิงใส่ใจอย่างมากเกี่ยวกับการเรียนหนังสือของพวกเขา เขาให้กำลังใจเด็กสองคนนี้ว่าต้องความพยายามเรียนให้มากยิ่งขึ้น ไม่ทำให้คนอื่นผิดหวัง หากครอบครัวประสบความยากลำบากใดๆ เราต่างก็จะช่วยเหลือพวกเธออย่างเต็มที่ ในความทรงจำของหลิน ตงเหมย มะม่วงลูกแรกและขนมไหว้พระจันทร์กล่องแรกที่เธอได้กินในชีวิตนั้นส่งมาให้โดยนายสี จิ้นผิง นอกจากนั้น ครั้งแรกที่เธอออกจากหมู่บ้านไปเมืองฝูโจว ครั้งแรกที่เธอไปเที่ยวสวนสาธารณะซีหูในเมืองฝูโจว และครั้งแรกที่เธอกินแฮมเบอร์เกอร์ ต่างก็จัดให้โดยนายสี จิ้นผิงเช่นกัน

ครั้งหนึ่งเมื่อนายสี จิ้นผิงเดินทางไปที่ชนบทเพื่อสำรวจสภาพความเป็นจริงประกอบการวิจัย ขณะผ่านย่านที่มีการจราจรพลุกพล่านในตัวเมืองฝูโจว นายสี จิ้นผิงเห็นพนักงานรักษาความสะอาดหลายคนกำลังกวาดขยะพร้อมๆกับหลบรถที่แล่นผ่านไปมา แต่คนเหล่านี้ดูไม่โดดเด่นอะไรเลยในกระแสการจราจร หากพวกเขาเผลอแม้เพียงชั่วพริบตาก็อาจถูกรถชนได้ นายสี จิ้นผิงจึงกำชับเจ้าหน้าที่ผู้ติดตามให้ติดต่อรองนายกเทศมนตรีที่รับผิดชอบการก่อสร้างเมืองโดยเร็วที่สุดเพื่อแจ้งคำสั่งของเขาว่า พนักงานรักษาความสะอาดเป็นคนที่ทำให้เมืองสวยงาม เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาภายใต้สภาพแวดล้อมการทำงานที่พลุกพล่านไปด้วยยานยนต์และผู้คน ควรจัดหาเครื่องแบบที่มีโลโก้เดียวกันให้ ควรดำเนินการทันทีโดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องเงิน ในไม่ช้า พนักงานรักษาความสะอาดในเมืองฝูโจวต่างก็ได้สวมเสื้อกั๊กสะท้อนแสงและหมวกสะท้อนแสงที่มีการจัดให้เหมือนกันหมด ตั้งแต่นั้นมาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับพนักงานทำความสะอาดถนนจึงลดลงอย่างมาก

นายสี จิ้นผิงขอให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐทุกคนของมณฑลให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสภาพความเป็นอยู่และความปลอดภัยของประชาชน เขาเน้นย้ำว่าผลประโยชน์ของประชาชนสูงส่งกว่าฟ้าและสำคัญกว่าขุนเขา เรื่องของประชาชนจะเล็กน้อยเพียงใดก็ยังเป็นเรื่องใหญ่ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน เรายอมเสียสละทุกสิ่งที่ตนเองมีโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด

แปลเรียบเรียงโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน(CMG)

ติดตามตอนก่อนหน้าได้ที่

http://www.tcjapress.com/2023/09/21/xi-way-53