“250 ปีพระเจ้าตากสินมหาราช ต้นธารจีนสยาม” (1)

0
934
จากซ้าย ผศ.ถาวร สิกขโกศล ผศ.วรศักดิ์ มหัทธโนบล และ รศ.ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล

ภูมิหลังพระเจ้าตาก

ภูมิหลังของพระเจ้าตากถูกกล่าวถึงในหนังสือประวัติศาสตร์หลายเล่ม ไม่ว่าจะเป็นในหนังสือภาษาไทยเรื่องอภินิหารบรรพบุรุษหรือภาษาอังกฤษโดยนักประวัติศาสตร์นามสกินเนอร์ (William G Skinner) หนังสืออภินิหารบรรพบุรุษระบุว่าบิดาของพระเจ้าตากเป็นจีนไหฮอง (ไห่เฟิงภาษาจีนกลาง) ส่วน สกินเนอร์ระบุไว้ว่าเป็นจีนเฉ่งไห้ ซึ่งทั้งสองสถานที่นี้ตั้งอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง เป็นจีนแต้จิ๋ว โดยสกินเนอร์มีหลักฐานยืนยันคือมีสุสานของพระเจ้าตากที่เมืองเฉ่งไฮ้

กระทั่งพงศาวดารญวนและเขมรก็ยืนยันว่าบิดาเป็นจีนแต้จิ๋ว แซ่ติ้น แม่ชื่อก๊กฮวย ส่วนบันทึกจากทางฝั่งตะวันตกจดหมายมองซิเออร์ เดอร์ ถึง มองซิเออร์ ดารากองของฝรั่งเศสระบุว่าพระเจ้ากรุงธนฯ เป็นจีนครึ่งหนึ่ง

พระเจ้าตากใช้ตัวอักษรภาษาจีน “เจ” หรือ “เจา” แทนชื่อตน

เมื่อไปค้นดูจากหลักฐานชั้นต้นคือจดหมายที่ไทยส่งไปปักกิ่ง พบว่าพระเจ้าตากใช้ชื่อแทนตัวเองว่า อ่านว่าเจในสำเนียงแต้จิ๋ว และเจาในสำเนียงจีนกลาง มีความหมายว่าสว่างมีนักประวัติศาสตร์หลายท่านให้ความคิดเห็นว่าการที่ใช้คำนี้น่าจะมาจากเสียงคำว่าเจ้าแต่อีกกลุ่มหนึ่งไม่เห็นด้วย เพราะสมัยอยุธยาไม่ได้ใช้ภาษาจีนกลาง

พระปรีชาสามารถในการใช้ภาษา

จากบันทึกประวัติศาสตร์จะพบว่า พระเจ้าตากพูดจีนได้หลายสำเนียงไม่ว่าจะเป็นกวางตุ้งหรือฮกเกี้ยน เราจะพบว่าพระเจ้าตากสามารถคุยกับม่อซื่อหลิน” (มักเทียนตู้หรือพระยาราชาเศรษฐีจีน) เป็นภาษาจีนกวางตุ้งได้ นอกจากนี้ตอนที่พระยาพิชัยพาลาวเมืองแพร่มา พระเจ้าตากก็พูดลาวใส่ได้ (สมัยก่อนเมืองทางเหนือถูกราชสำนักเรียกรวมๆ ว่าลาวทั้งหมด)

สันนิษฐานว่าเหตุผลที่ท่านมีพระปรีชาเรื่องภาษา นอกจากเพราะมีเชื้อสายจีนแล้ว ท่านยังเป็นพ่อค้าที่ต้องใช้ภาษาในการติดต่อสื่อสาร อย่างไรก็ดี มีการตั้งข้อสังเกตว่าพระเจ้าตากไม่น่าจะพูดจีนกลางได้ เนื่องจากสมัยนั้นที่ไทยยังไม่นิยมใช้จีนกลางอย่างแพร่หลาย

ชื่อพระราชชนนีนกเอี้ยงเพี้ยนเป็นนกกระยาง

หนังสืออภินิหารบรรพบุรุษระบุว่าพระเจ้าตากเป็นลูกจีนไหฮองกับนางนกเอี้ยง สันนิษฐานว่า

เป็นชื่ออำเภอไหฮองเป็นส่วนหนึ่งของแต้จิ๋วพูดเหน่อๆจีนไหฮองพวกนี้เดินทางมาถึงอยุธยาก่อนจีนแต้จิ๋ว (เพราะงิ้วซีฉินเข้ามาก่อนงิ้วแต้จิ๋ว) มีการสันนิษฐานว่าจีนไหฮองกับแต้จิ๋วสำเนียงคล้ายกันมาก คนไทยซึ่งแยกไม่ค่อยออกเลยเรียกจีนแต้จิ๋วว่าจีนไหฮอง

คนทั่วไปทราบกันว่าพระราชชนนีหรือมารดาของพระเจ้าตาก ชื่อนางนกเอี้ยงหรือลกเอี้ยงซึ่งหากออกเสียงแบบจีนกลางคือลั่วหยางภายหลังมีการบันทึกชื่อเพี้ยนเป็นนางนกกระยางเพราะนำชื่อตัวจีนไปเทียบเสียงแบบจีนกลางตามความนิยมของสมัยใหม่นั่นเอง

พระเจ้าตากเป็นลูกครึ่งจีนที่กลายมาเป็นกษัตริย์

ประเด็นนี้ถูกขยายและวิจารณ์อย่างกว้างขวาง มีหลายคนตั้งคำถามว่าในเมื่อแน่ชัดแล้วว่าพระเจ้าตากมีเชื้อสายจีนแล้วสามารถขึ้นครองราชย์ได้อย่างไร หลักฐานประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่งระบุว่าท่านขึ้นครองราชย์อย่างถูกต้องและยังมีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องอภินิหารต่างๆ รวมถึงอธิบายเหตุผลในการไปตีพุทไธมาศ ซึ่งหลักฐานชิ้นนี้ถูกเขียนขึ้นหลังจากที่พระเจ้าตากขึ้นครองราชย์แล้ว มีการสันนิษฐานว่าเนื้อความส่วนใหญ่เขียนในเชิงบวกเพื่อเชิดชูพระเกียรติพระเจ้าตากและตอบคำถามที่อาจมีคนสงสัย

บางตำราก็เขียนให้ท่านเป็นลูกเจ้าคนนั้นคนนี้ ด้วยความรู้สึกว่าหากพระเจ้าตากเป็นจีนแล้วไม่ได้เป็นเกียรติเท่าไร เลยเขียนแก้ให้ แท้จริงแล้วกษัตริย์ของบ้านเมือง ณ ขณะนั้นจะเป็นใครก็ได้ที่มีความสามารถ เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพระเจ้าตากมีคุณูปการต่อประเทศไทยมาก และการจัดเสวนาในครั้งนี้คือเพื่อรำลึกถึงพระองค์ท่าน

ศาลประจำตระกูลที่เท่งไฮ่

สกินเนอร์ระบุว่าที่บ้านต้นตระกูลพระเจ้าตากที่จีนมีศาลบรรพชนขนาดเล็กมาก มีไหสองใบที่พิสูจน์ได้ว่ามาจากประเทศไทย สุสานเดิมนั้นอยู่ในแอ่ง ซึ่งคนจีนถือว่าเป็นฮวงจุ้ยที่ไม่ดี พอพระเจ้าตากถูกปฏิวัติคนเลยเอาไปลือกันว่าเป็นเพราะฮวงจุ้ยไม่ถูกโฉลก พอข่าวเรื่องพระเจ้าตากถูกปฏิวัติไปถึงหู ลูกหลานที่จีนไม่พอใจก็พากันไปทุบสุสานทิ้งเสีย เล่ากันว่าตอนทุบนั้นมีอีกาบินออกไปสามตัว ผลจากการทุบทำให้ดินไหลมากลบสุสาน กลายเป็นต้นร้ายปลายดีไปเสีย เพราะการที่ถูกดินกลบทำให้สุสานรอดพ้นจากการถูกทำลายในยุคปฏิวัติวัฒนธรรม

ป้ายสุสานพระเจ้าตากที่เท่งไฮ่ (ภาพโดย ชาญวิทย์ เกษตรศิริ)

ส่วนบันทึกประจำตระกูลปรีดี พนมยงค์ ครูหลุยส์น้องของอาจารย์ปรีดีทำบันทึกไว้ว่าหากนับถอยขึ้นไป 6 ชั่วคน แม่ของเฮงต้นตระกูลพนมยงค์มีศักดิ์เป็นอาพระเจ้าตาก และเชื่อว่าพระเจ้าตากเป็นจีนแต้จิ๋วจากอำเภอเท่งไฮ่

ขุนนางผู้ดีเก่าไม่ชอบกษัตริย์ลูกครึ่ง

เนื่องจากการที่พระเจ้าตากมีเชื้อจีนและท่านก็เปิดเผย ทำให้ขุนนางผู้ดีเก่าบางคนไม่นิยมในตัวพระเจ้าตากเท่าใดนัก พระเจ้าตากจึงจำเป็นต้องอ้างสิทธิธรรมในการขึ้นครองราชย์เพื่อให้ทั้งคนในประเทศและต่างประเทศยอมรับในการเป็นกษัตริย์ของตน

นอกจากนี้ กลยุทธ์ในการศึกสงครามที่พระเจ้าตากใช้ตอนตีเมืองคือยุทธวิธีแบบจีน (ซุนวู) หาได้ใช้ตำราพิชัยสงคราม (ได้รับมาจากทางอินเดีย) เหมือนกษัตริย์ไทยทั่วไปไม่  เรื่องนี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กลุ่มขุนนางผู้ดีเก่าไม่พอใจ

ทหารจีนมีส่วนมากน้อยแค่ไหนตอนพระเจ้าตากกู้ชาติ

ประวัติศาสตร์เขียนว่าพระเจ้าตากมีลูกน้องทั้งไทยและจีน เลยมีคนตั้งข้อสงสัยว่าแล้วทหารจีนมีส่วนมากน้อยแค่ไหนตอนรบเพื่อกู้ชาติ เนื่องจากสมัยอยุธยาจะมีจีนฮกเกี้ยนอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวจีนฮกเกี้ยนในสมัยนั้นยอมช่วยพระเจ้าตากไหม เพราะพระเจ้าตากเป็นจีนแต้จิ๋ว คำตอบคือมีจีนบรรดาศักดิ์พวกที่เข้ามานานแล้วจนได้เป็นขุนนาง มีจีนยกสำเภาให้เพื่อใช้กลับมายึดอยุธยาคืน

พงศาวดารที่กล่าวถึงการรบที่พุทไธมาศศึกบางกุ้ง ระบุว่ามีทั้งทหารไทยและจีนร่วมรบ แต่พอมาค้นพงศาวดารช่วงหลังกลับไม่มีท่อนนี้แล้ว สันนิษฐานว่าตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ จีนเหล่านั้นก็เข้ามาอยู่เป็นเวลานาน จนบางคนมียศถาบรรดาศักดิ์ แต่งงานมีลูกมีหลานอยู่เมืองไทย จึงเรียกว่าทุกคนเป็นคนไทยหมดแล้ว

ผศ.ดร. รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล หนึ่งในวิทยากร

   

ลูกน้องคนเก่งของพระเจ้าตาก

มีการตั้งข้อสังเกตว่าต้นตระกูลจีนของพระเจ้าตากมีญาติเข้ามาไทยเพียงไม่กี่รุ่น เรียกได้ว่าเครือญาติน้อย เมื่อครั้งได้ขึ้นเป็นกษัตริย์จึงต้องพึ่งพาคนไว้ใจไปครองเมือง

หนึ่งในนักรบคู่ใจของพระเจ้าตากคือหลวงพิชัยราชาเป็นลูกของพระยาเพชรบุรีครั้งกรุงเก่า พบว่าตั้งแต่ตอนตีเมืองนครศรีธรรมราชก็ปรากฏชื่อพระยาพิชัยแล้ว พอตีหัวเมืองเหนือได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยาพิชัยราชาและสุดท้ายได้เป็นหลวงพิชัยราชาตามลำดับ

อีกคนคือขุนพิพิธวาทีหรืออีกชื่อคือพระยาราชาเศรษฐี(จีน)” ซึ่งชื่อนี้ได้หายไปหลังจากพงศาวดารธนบุรี 2318 ซึ่งผู้บรรยายกล่าวว่า เพื่อกันความสับสนของนักประวัติศาสตร์หน้าใหม่ จึงอยากให้ทราบว่าสมัยนั้นมีพระยาราชาเศรษฐีมีสองคนคือ พระยาราชาเศรษฐี(จีน) หรือขุนพิพิธวาที  กับ พระยาราชาเศรษฐี (ญวน) หรือมักเทียนตู้นั่นเอง

พระเจ้าตากซ้อนแผนของมักเทียนตู้

ในตอนนั้น มักเทียนตู้อ้างกับประเทศจีนว่าฝั่งตนมีทายาทที่ถูกต้องที่ควรได้สืบเชื้อสายกษัตริย์ไทยอยู่ ทำให้พระเจ้าตากต้องไปต่อรองกับมักเทียนตู้ให้ส่งตัวทายาทมา

มักเทียนตู้จึงออกอุบายหลอกว่าจะส่งข้าวมาพร้อมเจ้าศรีสังข์ซึ่งเป็นทายาทมาให้ แต่แท้จริงมีแผนจะจับพระเจ้าตาก แต่โดนพระเจ้าตากซ้อนแผนตีกลับ ยกทัพไปตีเมืองจันทบุรี พอเข้ายึดเมืองจันท์ได้จึงสถาปนาขุนพิพิธวาทีเป็นพระยาพุทไธมาส มีการรบพุ่งตีกันไปมาหลายครั้ง จนสุดท้ายจึงจับมักเทียนตู้ได้สำเร็จ

บรรยากาศระหว่างการเสวนา “250 ปีพระเจ้าตากสินมหาราชต้นธารจีนสยาม”

พระยาราชาเศรษฐี (จีน) หายไปไหน?

จากที่เกริ่นมาก่อนหน้าว่าชื่อของพระยาราชาเศรษฐี(จีน) ได้หายไปหลังจาก พ..2318 ทำให้คนส่วนมากเข้าใจว่าเสียชีวิตแล้ว แต่มีข้อเสนอใหม่ทางประวัติศาสตร์คาดคะเนว่ามีความเป็นไปได้ที่ว่าเขาไม่ได้ตาย แต่แค่แปรพักตร์ โดยสังเกตจากช่วงยุครัตนโกสินทร์มีการเคลื่อนย้ายที่พักของกลุ่มชาวจีนที่แต่ก่อนอยู่ในวังให้ย้ายไปอยู่แถวสำเพ็งแทน หลักฐานพงศาวดารชิ้นหนึ่งระบุว่าสมัยปลายธนบุรี มีดำริให้พระยาราชาเศรษฐี (จีน) กลับไปครองประไทยมาศ (หรือพุทไธมาศ) ดังเก่า

มีช่วงหนึ่งที่พวกจีนและญวนโดนเนรเทศออกไปจากเมืองหลวง ด้านมักเทียนตู้โดนบังคับให้กินยาพิษตาย แต่ไม่แน่ใจพระยาราชาเศรษฐี (จีน) ตายด้วยหรือไม่ แนวคิดใหม่คาดการณ์ว่าน่าจะกลับมารับใช้รัชกาลที่1

เราจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะยุคสมัยใดการเมืองเปลี่ยนขั้วได้เสมอ

เสริมเรื่องปึงเท่ากง

นิราศของสุนทรภู่กล่าวถึงเมื่อครั้นผ่านวัดพนัญเชิง จีนแถวนั้นเรียกศาลเจ้าแบบจีนตรงนั้นว่าปึ่งเท่ากงจากสำเนียงแสดงว่าจีนที่อยู่แถวนั้นเป็นจีนแต้จิ๋ว

ในการศึกษาประวัติศาสตร์ เวลาพูดถึงชุมชนชาวจีนควรระบุด้วยว่าเป็นจีนอะไร เช่น จีนนายก่ายเป็นฮกเกี้ยน จีนสวนพลูที่มาที่หลังเป็นแต้จิ๋ว เป็นต้น

เราจะมองเห็นความพิเศษของสังคมไทยคือไทยเป็นสังคมแบบบูรณาการผสมปนเปได้หมด และอยู่กันได้ค่อนข้างราบรื่นไม่แตกแยก

ผศ.วรศักดิ์ มหัทธโนบล ผู้ดำเนินรายการ

มองความสัมพันธ์กับจีน

แผนที่ที่เขียนโดยฝรั่งเศส แสดงให้เห็นถึงฝั่งหน้าแม่น้ำเจ้าพระยา มีป้อมซึ่งถูกรื้อไปแล้ว วงเมืองไม่รวมตะวันออก และครั้งช่วงตอนพม่าตีกับฝรั่ง ชุมชนชาวจีนน่าจะหายไปหมด

นิราศเพชรบุรีที่ถูกแต่งขึ้นในสมัยปลายอยุธยามีการอ้างถึงบางจีนแสดงว่าสมัยนั้นต้องมีชุมชนจีนแล้ว ที่น่าสนใจคือในนิราศเพชรบุรีนี้ได้มีกล่าวถึงวัดแจ้งแล้ว เพราะฉะนั้น นิทานที่กล่าวถึงพระเจ้ากรุงธนล่องเรือจากอยุธยามาสว่างวัดแจ้งน่าจะถูกแต่งขึ้นภายหลัง

แผนที่กรุงธนบุรีในสมัยนั้น

นอกจากแค่ในไทยแล้ว กระทั่งต่างชาติยังรับรู้การมีอยู่ของชุมชนจีน

จากหลักฐานของแผนที่ราชการลับของพม่า มีการส่งมอญเข้ามาเพื่อสืบราชการลับ ตรงตำแหน่งพระบรมมหาราชวังเขียนว่าเป็นนิคมชาวจีนโดยตรงนั้นมีวังพระเจ้าลูกเธอกรมขุนอินทราพิทักษ์ ซึ่งคิดว่าน่าจะให้มาคุมกลุ่มชาวจีนอีกที

ที่น่าสนใจคือการให้ชุมชนชาวจีนมาอยู่ใกล้วังหลวง แสดงว่าพระเจ้าตากไว้เนื้อเชื่อใจกลุ่มคนจีนมาก โดยบ้านของพระยาราชาเศรษฐี (จีน) ยังตั้งอยู่ใกล้วังกว่าเจ้าพระยาสุรสีห์ (ปัจจุบันคือบริเวณ ม. ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์) เสียอีก

แล้วชุมชนญวนตั้งอยู่ที่ไหน

อย่างที่ทราบกันว่าพระยาราชาเศรษฐี (ญวน) นั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพระเจ้ากรุงธน สันนิษฐานว่าน่าจะอยู่แถบวัดทิพวารี แถวบ้านหม้อ โดยให้อยู่กับองเทียนซุ่นซึ่งเป็นชาวญวนเหมือนกัน

แผนที่เก่าบอกอะไรบ้าง

เราสามารถเรียนรู้จากแผนที่สมัยเก่าว่าคลองหลอดณ ปัจจุบัน อดีตคือคูเมือง ส่วนแถบบ้านหม้อเป็นบริเวณนอกเมืองธนบุรี

ส่วนชื่อท่าเตียนอาจจะเพี้ยนมาจากคำว่าห่าเตียนส่วนอันนัมคือ นิกายญวน

ส่วนบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาที่เห็นแถวหน้าธรรมศาสตร์เป็นส่วนที่ขุดเพิ่มเติม  สิ่งนี้ทำให้เราทราบได้ว่าพระชัยราชามีสายตาที่เฉียบมองการณ์ไกลมาก

แผนที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชั้นดีในการศึกษาเรื่องราวในครั้งหลัง

*หมายเหตุ : บทความนี้สรุปมาจากการบรรยายในหัวข้อ “250 ปี พระเจ้าตากสินมหาราช ต้นธารจีนสยามจัดโดยอาศรมสยามจีนวิทยา ร่วมกับศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  บรรยายโดย ผศ.ถาวร สิกขโกศล และ ผศ.ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล ดำเนินรายการโดย ผศ.วรศักดิ์ มหัทธโนบล เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ..2560 เวลา 14.00 – 17.00 . ณ ห้องประชุม 1102 ชั้น 11 อาคาร ซี.พี. ทาวเวอร์ ถนนสีลม

เรียบเรียงและรายงาน: อรอนงค์ อรุณเอก 林敏儿