ส่องอนาคตตลาดจีนหลังโควิด-19
หอการค้าไทยในจีน ร่วมกับ ฝ่ายเกษตรประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ จัดงานสัมมนา “ติดปีกผู้ประกอบการอาหารไทยสู่ตลาดจีน” โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน กล่าวถึง “อนาคตตลาดจีน” ที่ผู้ประกอบการไทยควรรู้ ดังนี้
ตลาดอาหารมีแนวโน้มเติบโต
การเติบโตของภาคตลาดอาหารจะเติบโตมากกว่าภาคการจับจ่ายใช้สอยหรือการค้าปลีกในยุคหลังโควิด เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเติบโตในอัตราที่ลดลง ผู้บริโภคระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการจับจ่ายใช้สอย แต่ยังจำเป็นต้องซื้อหาอาหาร ดังนั้นในเชิงสัดส่วน ตลาดอาหารในจีนยังเติบโตขึ้น
ในกลุ่มอาหารตำแหน่งทางการตลาดที่โดดเด่น คือ ความเป็นธรรมชาติ สุขอนามัย ความปลอดภัย ความสะดวก ความคุ้มค่า
โครงสร้างประชากรจีนและพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่เปลี่ยนไป
จีนมีประชากร 1,400 ล้านคน มากกว่าประชากรไทย 20 เท่า รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรจีนแซงหน้าประเทศไทยไปแล้ว ตลาดจีนหลายตลาดยังเติบโตได้อีก
ผู้หญิงจีนมีอำนาจซื้อมาก เพราะไม่ได้ซื้อแค่ครอบครัวตัวเอง แต่ซื้อให้ครอบครัวพ่อแม่ ผู้หญิงมีอิทธิพลต่อการจับจ่ายใช้สอยค่อนข้างสูง ดังนั้น การโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่เข้าถึงกลุ่มแม่บ้านมีนัยสำคัญต่อโอกาสและความสำเร็จของผู้ประกอบการไทยในตลาดจีน
คนจีนแต่งงานช้าลง หรือไม่แต่งงานเลย และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ยิ่งช่วงโควิด 19 ที่ผ่านมา อัตราการหย่าร้างสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เปิดประเทศ มีอัตราการขยายตัวของคนโสด ซึ่งอาจจะส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภครูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
ครอบครัวจีนในยุคหลังเปิดประเทศว่ามีแนวโน้มเล็กลง เมื่อปีที่แล้วรัฐบาลจีนปลดล็อกเพื่อให้การสนับสนุนนโยบายลูก 3 คน อาจทำให้ครอบครัวคนจีนบางส่วนขยายใหญ่ขึ้นในระดับหนึ่ง เราเห็นโครงสร้างอัตราการเกิดน้อย แต่จีนมองเป้าอัตราทารกเกิดใหม่ปีละ 17-20 ล้านคน ขณะที่ ผู้สูงอายุอายุ 60 ปีขึ้นไปจะแตะ 300 ล้านคน ลักษณะนี้สะท้อนว่า โครงสร้างตลาดในกลุ่มทารก วัยรุ่น หรือผู้สูงอายุจะมีการปรับเปลี่ยน เป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการขยับไปจับตลาดเหล่านี้
ช่วงหลังคนจีนมีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น มีคนชั้นกลางเพิ่มสูงขึ้น กลุ่มคนในเมืองใหญ่ที่เป็นเทียร์ 1 เช่นปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางเจา เซินเจิ้น และกลุ่มคนในเมืองใหญ่ที่รองลงมา จะให้ความสำคัญกับสินค้าคุณภาพที่สูงขึ้น เพราะมีรายได้สูงขึ้น มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พฤติกรรมการซื้อสินค้า ไปซื้อสินค้าตามห้างสรรพสินค้า ร้านค้าน้อยลง เพราะมีโลกออนไลน์เข้ามา ความสะดวกกลายเป็นหัวใจสำคัญมากกว่าเรื่องราคา
ความท้าทาย
ความท้าทายของตลาดจีน คือ คนจีนส่วนหนึ่งมีพฤติกรรมการซื้อสินค้า คือกล้าลองของใหม่ เพราะฉะนั้นจะมีระดับความภักดีต่อแบรนด์ค่อนข้างต่ำ พร้อมจะลองสินค้าใหม่ในสัดส่วนค่อนข้างสูง ดังนั้นถ้าผู้ประกอบการไทยสามารถพัฒนาสินค้าคุณภาพดี มีการสร้างแบรนด์ มีนวัตกรรม ก็อาจจะสามารถเจาะตลาดได้ง่ายขึ้น
คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการไทย
การสร้างหรือเข้าสู่ตลาดผ่านระบบแฟรนไชส์ หรือจับมือกับธุรกิจแฟรนไชส์ที่อยู่ในจีน อาจเป็นรูปแบบซัพพลายเออร์ เพราะแฟรนไชส์ที่จีนจะเติบโตเร็ว ระบบแฟรนไชส์จะเป็นคำตอบของผู้ประกอบการเอ็สเอ็มอีไทยจำนวนมาก
ผู้ประกอบการอาจจะไม่ได้มองตลาดจีนเพียงตลาดเดียว แต่สามารถใช้จีนเป็นฐานการผลิตเข้าสู่ตลาด ประเทศตามแนวเส้นทางสายไหม สินค้าของผู้ประกอบการไทยจะออกไปกับขบวนรถไฟที่จีนจะทะลุทะลวงเข้าเอเชียกลาง ยุโรป เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการมีความได้เปรียบด้านการขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้น
ดังนั้น ในช่วงโควิด 19 ที่จีนยังไม่เปิดประเทศ ผู้ประกอบการไทยควรใช้โอกาสนี้เตรียมความพร้อมในการศึกษาหาข้อมูลสภาพตลาดจีน พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวจีน กฎ ระเบียบ และกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดจีนในอนาคต
บทความ : ประวีณมัย บ่ายคล้อย