นายสี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดจีนเดินทางลงพื้นที่ที่มณฑลเจ้อเจียง ซึ่งมีฉายาที่ว่า “ผู้นำหน้าของความทันสมัยแบบจีน”และชี้ทิศทางให้กับการวิ่งนำหน้าเร็วยิ่งขึ้นในระหว่างการสร้างความทันสมัยให้กับมณฑลเจ้องเจียง
มณฑลเจ้อเจียงเป็นมณฑลที่มีเนื้อที่เพียงแต่ 1 แสนกว่าตารางกิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งประกอบด้วยเขตเขา 7/10 ผิวน้ำ 2/10 และไร่นา 1/10 ด้วยกัน ในพื้นที่คับแคบเท่านั้น เมื่อทศวรรษที่ 1970-1980 มณฑลเจ้อเจียงปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจแบบแผนการของจีน เป็นผู้นำหน้าบุกเบิกของเศรษฐกิจแบบการตลาด ได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ทางเศรษฐกิจที่ทำให้ทั่วโลกต้องประหลาดใจ แต่ทว่า มณฑลเจ้อเจียงก็ต้องพบปัญหาต่างๆ เช่นขาดแคลนที่ดิน ขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ขาดแคลนน้ำ ขาดแคลนช่างเทคนิค ปัญหาที่นำมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจชนิดต่างๆ เช่น เศรษฐกิจแบบด้วยประสิทธิภาพและการผลิตด้วยแรงงานราคาถูก การทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นต้น สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ มณฑลเจ้อเจียงแก้ไขปัญหายากลำบากระดับโลกเหล่านี้อย่างแข็งขัน รูปแบบการเติบโตทางเศรษฐกิจปรับเปลี่ยนจากการเพิ่มจำนวนกลายมาเป็นการเน้นคุณภาพและประสิทธิภาพ เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจแบบเปิด เศรษฐกิจสีเขียวติดอันดับต้น ๆ ของจีนและนำหน้าในภาคตะวันออกด้วย ซึ่งได้วาดเส้นโค้งระหว่างรูปแบบการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สวยงามเส้นหนึ่ง กลายเป็นผู้นำหน้าของความทันสมมัยของจีน
การลงพื้นที่ครั้งนี้ของนายสี จิ้นผิง เดินทางไปถึงทั้งหมู่บ้านเล็กๆ เมืองการค้านานาชาติ พิพิธภัณฑ์และโบราณสถานด้วย ซึ่งรวมแล้วได้ลงพื้นที่จุดสำรวจ 4 จุดของสองเมืองด้วยกัน การคัดเลือกสถานที่สำรวจและคำสั่งที่นายสี จิ้นผิง ให้ไว้นั้น ได้แสดงให้เห็นถึงทิศทางและวิธีการ “การเร่งความเร็ว” ต่อการสร้างสรรค์ความทันสมัยแบบจีน
การที่ใช้นวัตกรรมเป็นกำลังขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นเป็นเนื้อหาสำคัญของแนวคิดเศรษฐกิจสี จิ้นผิง ด้วยการสำรวจและสัมมนาครั้งนี้ นายสี จิ้นผิงกล่าวว่า มณฑลเจ้อเจียงต้องถือเศรษฐกิจที่มีรูปธรรมเป็นพื้นฐานของระบบอุตสาหกรรมแบบทันสมัย ต้องเร่งการพัฒนาในด้านนำหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผลักดันให้อุตสาหกรรมเป็นแบบระดับสูง แบบอัจฉริยะ และแบบสีเขียว พัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมใหม่และอุตสาหกรรมดิจิทัลที่มีกำลังแข่งขันสากลหลายกลุ่ม
แปลเรียบเรียงโดยภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน (CMG)
