สร้างกระแสใหม่แห่งการเปิดกว้างและการปฏิรูป -เส้นทางสีจิ้นผิง (8)

0
5

สร้างกระแสใหม่แห่งการเปิดกว้างและการปฏิรูป -เส้นทางสีจิ้นผิง (8)

หนึ่งในแนวคิดของนายสี จิ้นผิง ที่มีมาตั้งแต่สมัยที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำอำเภอเจิ้งติ้งนั่นก็คือการสนับสนุนการเปิดสู่ภายนอก ในระหว่างที่เขาทำงานที่อำเภอเจิ้งติ้งเมื่อปี 1985 เขาเคยนำคณะผู้แทนไปดูงานที่สหรัฐ ภาพที่เขาใส่สูทผูกเนคไทดูต่างไปจากภาพของเลขาธิการฯ หนุ่มซึ่งมักจะใส่เครื่องแบบทหารเก่า

ตั้งแต่เมื่อ 30 กว่าปีก่อน สี จิ้นผิง ได้เปิดประตูที่เคยปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก รื้อถอนกำแพงปิดบังความคิด ต้อนรับกระแสลมจากทั่วทุกสารทิศให้กับอำเภอเจิ้งติ้ง

ย้อนกลับไปปี 1984 สี จิ้นผิงส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ 2 คนของอำเภอเจิ้งติ้งใส่สูท เขากล่าวกับชายหนุ่มสองคนนี้ว่า “พวกคุณสวมสูทเป็นตัวอย่างให้ชาวบ้านนะ เพราะพวกคุณเป็นคนรุ่นใหม่ในที่ทำการคณะกรรมการพรรคฯ ประจำอำเภอ ควรสร้างกระแสนิยมใหม่” แนวคิดนี้ได้รับคำชื่นชมว่าเจิ้งติ้งเป็นอำเภอที่เปิดกว้าง เพราะในสมัยก่อนเครื่องแต่งกายก็เป็นหนึ่งในการสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ในสังคม เป็นตัวตัดสินการเปิดกว้างของแต่ละท้องถิ่น

นอกจากจะนำคณะไปดูงานยังต่างประเทศแล้ว แม้แต่ในประเทศเอง สี จิ้นผิงก็ได้ขอให้มีการส่งคนไปดูงานที่มณฑลกวางตุ้ง สาเหตุที่ต้องไปกวางตุ้งเพราะเป็นแนวหน้าแห่งการเปิดประเทศหลังจากได้เปิดการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 11 โดยคณะแรกที่เดินทางไปดูงานเป็นเจ้าหน้าที่ชาย 5 คน ใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ สีทึม ๆ

จุดแรกที่พวกเขาไป คือ เมืองกวางโจว ตามท้องถนนผู้คนทั้งหลายแต่งกายด้วยสีสันสดใสและหลากหลายสไตล์ ใครคนหนึ่งในคณะพูดขึ้นมาว่า “พวกเราแต่งตัว (เชย) แบบนี้ แม้จะหลงทางก็คงหาเจอไม่ยาก”

ระหว่างที่คณะเดินทางไปที่เมืองจงซาน ซุ่นเต๋อ หนานไห่ และฝอซาน พวกเขาเห็นเจ้าหน้าที่ระดับรากหญ้าหรือผู้บริหารวิสาหกิจล้วนสวมใส่ชุดสูทและรองเท้าหนัง

นอกจากความแตกต่างในด้านรูปลักษณ์และเสื้อผ้าของคนในท้องถิ่น สิ่งที่ทำให้พวกเขามองเห็นความแตกต่างอีกอย่างก็คือ ช่องว่างขนาดใหญ่ในด้านทัศนคติและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ

1 ในคณะที่ไปดูงานกล่าวว่า “การได้เห็นโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนและโรงงานเสื้อผ้าสมัยใหม่ของพวกเขา ทำให้ทราบว่าวิสาหกิจในชนบทหรือวิสาหกิจร่วมทุนที่นั่นล้วนมีขนาดใหญ่กว่าวิสาหกิจระดับอำเภอของเราเป็นอย่างมาก”

เมื่อได้รับฟังรายงาน สี จิ้นผิงรู้สึกตื่นเต้นมาก ทำให้เขายิ่งผลักดันการเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น หลุดพ้นจากการติดกับดักของความพอใจกับสภาพในปัจจุบันโดยไม่มีความกระตือรืนร้นในการแสวงหาการเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้า สร้างกระแสนิยมใหม่แห่งการปฏิรูปและการเปิดกว้าง เพื่อกระตุ้นพลังชีวิตในการพัฒนาเศรษฐกิจ

เขามีแนวคิดที่ต้องรื้อกำแพงที่ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก ต้อนรับกระแสลมจากทั่วทุกสารทิศ ติดต่อประสานงานกับพื้นที่ต่างๆในต่างมณฑล   ดำเนินความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยมุ่งเน้นไปที่เมืองสือเจียจวง เข้าใกล้กรุงปักกิ่งและนครเทียนจิน สร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับมณฑลซานซีและเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน   และแผ่ขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ สร้างโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเปิดกว้างให้กับอำเภอเจิ้งติ้ง รวมถึงขยายไปต่างประเทศ

ชาวเจิ้งติ้งค่อยๆ เปิดโลกทัศน์และเปลี่ยนแปลงทัศนคติ “กระแสข้อมูลข่าวสาร” เกิดขึ้น อำเภอเจิ้งติ้งมีสำนักงานเศรษฐกิจ 8 แห่ง จัดตั้งหน่วยข้อมูลข่าวสารขึ้นโดยเฉพาะ แต่ละตำบลกำหนดเจ้าหน้าที่รับผิดชอบข้อมูลข่าวสาร 1 คน แต่งตั้งผู้รวบรวมรายงานข้อมูลข่าวสารประจำทุกหมู่บ้าน ตลอดจนจัดตั้งสถานีข้อมูลข่าวสารทั่วประเทศ เจิ้งติ้งจึงได้สร้างเครือข่ายข้อมูลข่าวสารขนาดใหญ่ขึ้นด้วยความสำเร็จ

“กระแสเทคโนโลยี” และ “กระแสวิสาหกิจ” ทั้งเรียนรู้จากในตำรา และเดินทางค้นคว้าจากการปฏิบัติที่เป็นจริง จนถึงปี 1985 อำเภอเจิ้งติ้งได้จัดตั้งวิสาหกิจในกรรมสิทธิ์รูปแบบต่างๆทั้งหมด 13,444 แห่ง ซึ่งได้สร้างมูลค่าผลผลิต ผลกำไร และภาษีที่ครองสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจเจิ้งติ้ง

บรรดาเจ้าหน้าที่เก่าในเจิ้งติ้งต่างชื่นชมแนวคิดนี้ของนายสี จิ้นผิง “การเปิดสู่โลกภายนอกเริ่มต้นด้วยการปลดปล่อยความคิด ท่านเลขาธิการสีได้เปิดโลกทัศน์และเปลี่ยนแนวคิดของพวกเรา เมื่อวาล์วแห่งความคิดเปิดออก สายลมวสันตฤดูแห่งการปฏิรูปและการเปิดกว้างก็พัดเข้ามา”

ในภายหลังไม่ว่าจะทำงานอยู่ที่เมืองเซี่ยเหมิน หนิงเต๋อ และฝูโจวของมณฑลฝูเจี้ยน หรือทำงานที่มณฑลเจ้อเจียง นครเซี่ยงไฮ้ และกรุงปักกิ่ง สีจิ้นผิงไม่เคยลืมการสร้างสรรค์และการพัฒนาของเจิ้งติ้ง

ครั้งหนึ่งเขาเคยเชิญเจ้าหน้าที่ 24 คนจากอำเภอเจิ้งติ้ง และเจ้าหน้าที่ 16 คนจากเมืองสือเจียจวงไปฝึกงานชั่วคราวที่เมืองฝูโจว เขายังเคยแนะนำประสบการณ์การพัฒนาตลาดค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดในเมืองอี้อู มณฑลเจ้อเจียงให้กับเจิ้งติ้ง ซึ่งทำให้ต่อมาเจิ้งติ้งได้กลายเป็นตลาดค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ใหญ่ที่สุดทางภาคเหนือของจีน

ติดตามตอนก่อนหน้าได้ที่

การกระจายอำนาจ – เส้นทางสีจิ้นผิง(7)