‘สุชาติ ตันเจริญ’ หารือ รองนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว สร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ

0
1

‘สุชาติ ตันเจริญ’ หารือ รองนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว สร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
.
เผยพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำใน สปป.ลาว มีจุดเด่นอย่างมาก ควรต้องผลักดันความร่วมมือระหว่างกันเพื่อให้การพัฒนาพื้นที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นพื้นที่ด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ จะส่งผลดีต่อทั้งสองประเทศอย่างแน่นอน
.
เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2566 ณ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง จังหวัดบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง พร้อมด้วย นายวิสาร เตชะธีรวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย และ นายเดชอิศม์ ขาวทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา เดินทางเข้าร่วมงาน เทศกาลดอกงิ้วบาน ครั้งที่ 20 ประจำปี 2023 ณ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง จังหวัดบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามหนังสือเชิญของรองผู้ว่าราชการจังหวัดบ่อแก้ว
.
โอกาสนี้ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง และคณะ ได้พบปะหารือ 3 ฝ่ายกับ พล.ท.วิไล หล้าคำฟอง รองนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว และผู้บริหารระดับสูงของสภากรรมการบริหารเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ โดยได้หารือถึงโอกาสความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน รวมทั้งปัญหาสถานการณ์ความมั่นคงบริเวณเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ ชายแดนไทย – สปป.ลาว – เมียนมา
.
โดย นายสุชาติ กล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยและสปป.ลาว เป็นพี่น้องกันต่างฝ่ายต้องพึ่งพากัน โตก็ต้องโตไปด้วยกัน หากฝ่ายไหนมีปัญหาก็ต้องช่วยกันแก้ไข ดังนั้น หากมีสิ่งใดที่สามารถร่วมมือกันหรือแลกเปลี่ยนกันได้ เช่น การท่องเที่ยว แทนที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศใดประเทศหนึ่ง ควรจะหันมาร่วมมือกันผลักดันให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวทุก ๆ ประเทศในภูมิภาคของเรา
.
“ซึ่งวันนี้ สปป.ลาว กำลังพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ยิ่งต้องผลักดันความร่วมมือระหว่างกันเพื่อให้การพัฒนาพื้นที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นพื้นที่ด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ เป็นพื้นที่เศรษฐกิจอย่างแท้จริง ลบล้างภาพเรื่องยาเสพติด การค้ามนุษย์ ภัยคุกคาม และขบวนการหลอกลวงต่าง ๆ ผมในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎร ได้มีโอกาสพบปะหารือกับคณะทูตานุทูตหลาย ๆ ประเทศในภูมิภาค ทุกท่านต่างพูดตรงกันว่าประสบปัญหาเกี่ยวกับขบวนการหลอกลวงแรงงานให้ไปเป็นแรงงานทาส เช่น ขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ หรือ มันนี่เกมหลอกลวงให้ร่วมลงทุน ซึ่งผมได้ยืนยันไปหลายวาระแล้วว่ายังไม่พบเรื่องดังกล่าวในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เพราะเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำเป็นเมืองที่มุ่งพัฒนาด้านเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เราต้องร่วมกันเฝ้าระวัง ป้องกันและปราบปรามไม่ให้ขบวนการหลอกลวงเหล่านี้เข้ามาในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ”
.
นอกจากนี้ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง และคณะได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ตนเคยพูดไว้หลายครั้งแล้วถึงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาว่าได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยเม็ดเงินกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งไทยเห็นว่าควรจะใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดผ่านการเจรจาเพื่อส่งเสริมด้านการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าปศุสัตว์ และ สินค้าเกษตร เพื่อรองรับคนที่เข้ามาอยู่อาศัยในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำในอนาคต ที่ผ่านมาต้องถือว่าไทยเสียโอกาสไปมากที่ยังไม่มีการริเริ่มโครงการใด ๆ มารองรับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำของสปป.ลาว ทั้งที่พื้นที่ชายแดนอยู่ติดกัน เอื้อต่อการเดินทางขนส่ง


.
นายสุชาติ ยังกล่าวด้วยว่า ทราบว่า จ.เชียงราย มีความพยายามผลักดันนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัด ตลอดจนมีการก่อสร้างสะพานข้ามแดนถาวรเพื่อพัฒนาด้านการขนส่งและการคมนาคม เพื่อความสะดวกด้านการเดินทางระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ แต่ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบพัฒนาพื้นที่คู่ขนานระหว่าง 2 ฝั่งแม่น้ำโขงให้เจริญเติบโตในทุกมิติ ทั้งด้านการส่งเสริมอาชีพ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว หากเรื่องนี้เกิดขึ้นได้เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อทั้งสองประเทศอย่างแน่นอน และสิ่งที่อยากเน้นย้ำคือ โครงการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างเชียงแสนกับเมืองต้นผึ้งหากดำเนินการได้สำเร็จ ย่อมจะเป็นผลดีกับประเทศไทย ทั้งด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขนส่งสินค้าเกษตรจะสามารถขนส่งได้โดยง่าย
.
ในส่วนของการยกระดับความร่วมมือด้านต่าง ๆ ระหว่างกันนั้น รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง กล่าวว่า ได้นำปัญหาการหลอกลวงและการค้ามนุษย์ หารือกับรองนายกฯ สปป.ลาว เนื่องจากหลายประเทศในภูมิภาคประสบปัญหาดังกล่าว แต่ทราบว่ายังไม่พบที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ จึงฝากให้รองนายกฯ สปป.ลาว เฝ้าระวังขบวนการหลอกลวงเหล่านั้นอย่าให้เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เสื่อมเสียประโยชน์ของพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ รวมทั้งได้ทำหนังสือถึงรัฐบาลไทยให้ใช้กลไกภาครัฐในการป้องกันและปราบปรามปัญหาดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วย
.
“สำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำนั้น เป็นพื้นที่แห่งการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุน แม้ว่าจะลงทุนโดยชาวจีน ไม่ใช่ชาวลาว แต่ไม่ใช่พื้นที่สีเทาอย่างที่คนเข้าใจ เพราะส่วนตัวได้ติดตามการเจริญเติบโตของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำมาตั้งแต่ต้น และเห็นถึงการพัฒนาในทุกมิติของเขตเศรษฐกิจแห่งนี้ เพื่อเป็นพื้นที่การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ และเป็นพื้นที่เศรษฐกิจอย่างแท้จริง” นายสุชาติ กล่าว
.
เครดิต : ภาพและข่าว โดยกลุ่มงานพิธีการทูต สำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร