บทวิเคราะห์ ข้ออ้าง “ความมั่นคงแห่งชาติ” ของสหรัฐฯเป็นภัยคุกคามความเจริญรุ่งเรืองของโลก

0
1

ช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ทำการตรวจสอบรถยนต์ไฟฟ้าของจีน ให้ท่าเรือสหรัฐฯเลิกใช้เครนที่ผลิตในจีน  แบนอุปกรณ์ 5G ของจีน ในสายตาของนักการเมืองสหรัฐฯ สิ่งใดก็ตามที่เป็นอุปสรรคต่อการครองอำนาจความเป็นใหญ่ของสหรัฐฯ ก็ต้องถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ

สหรัฐฯ มักจะใช้นโยบายกีดกันทางการค้ากับประเทศอื่น โดยอ้างเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ การกระทำเช่นนี้ย่อมทำให้ความขัดแย้งระหว่างประเทศรุนแรงขึ้น และผลักดันให้ประชาคมโลกเกิดความแตกแยกและการเผชิญหน้ากันมากขึ้น

สหรัฐฯได้ทำการปราบปรามบริษัทเทคโนโลยีของจีน โดยอ้างความมั่นคงแห่งชาติ แต่ไม่สามารถแสดงทั้งหลักฐานและเหตุผลทางเทคโนโลยี แท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่สหรัฐฯทำมีเป้าหมายเพียงประการเดียวคือขัดขวางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน สหรัฐฯปราบปรามบริษัทหวาเหวยซึ่งเป็นผู้ให้บริการอุปกรณ์ 5G ชั้นนำของจีนนั้น เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในประเด็นนี้ สหรัฐฯได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรบริษัทหวาเหวยด้วยข้ออ้างความมั่นคงแห่งชาติ อีกทั้งยังได้กดดันประเทศอื่นๆ ให้แบนอุปกรณ์ 5G ของจีนด้วย

อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์แม้แต่ครั้งเดียวที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทหวาเหวย เช่น การดักฟัง หรือการควบคุมการดำเนินการทางไซเบอร์ รายงานฉบับหนึ่งที่เผยแพร่ โดยหนังสือพิมพ์รายวันแด ทาเกสปีกัล (Der Tagesspiegel) ของเยอรมนีเมื่อปี 2019 ระบุว่า หลังผ่านการตรวจสอบมาเป็นเวลาหลายปี รัฐบาลอังกฤษ สำนักงานกลางด้านความปลอดภัยทางสารสนเทศของเยอรมนี และคณะกรรมการสหภาพยุโรปไม่พบความไม่ชอบมาพากลใดๆ ในผลิตภัณฑ์ของบริษัทหวาเหวย

นอกจากนี้ การที่รัฐบาลสหรัฐฯสั่งให้ท่าเรือสหรัฐฯเลิกใช้เครนที่ผลิตในจีนโดยอ้างว่ามีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยนั้น เป็นอีกหลักฐานที่ชัดเจนที่สหรัฐฯต้องการปราบปรามผู้ผลิตชั้นนำของจีน

หนังสือพิมพ์รายวัน “เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล” อ้างคำพูดของนายวิลเลียม ดอยล์ (William Doyle) กรรมการบริหารท่าเรือรัฐแมรี่แลนด์ของสหรัฐฯ รายงานว่า ท่าเรือบัลติมอร์ได้ซื้อเครน 4 ตัวจากบริษัท ZPMC ผู้ผลิตของจีน  แต่ไม่เคยพบปัญหาใด ๆ ในขณะที่ติดตั้งเครนและใช้งานทดสอบ

การใช้นโยบายกีดกันทางการค้าด้วยข้ออ้างด้านความมั่นคงแห่งชาตินั้นไม่สามารถหลอกลวงชาวโลกได้ ในความเป็นจริง การกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯและชาติตะวันตกอื่นโดยอาศัยข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลนั้นได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากจากประชาคมโลก

ข้อเสนอล่าสุดของนักการเมืองเยอรมันในการแบนผลิตภัณฑ์ของบริษัทหวาเหวย ทำให้เกิดเสียงคัดค้านอย่างรุนแรงจากผู้ให้บริการโทรคมนาคมเยอรมัน ผู้เชี่ยวชาญเยอรมันประเมินว่า การถอดอุปกรณ์ของบริษัทหวาเหวยออกจากเครือข่ายการสื่อสารที่มีอยู่ของเยอรมนีจะส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกหลายพันล้านยูโร และทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารเคลื่อนที่ของเยอรมนีต้องหยุดชะงักไปอีกหลายปี

เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการสหภาพยุโรปได้ทำการสอบสวนเพื่อต่อต้านเงินอุดหนุนเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าของจีน แต่การกระทำดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างมากในหมู่ผู้ผลิตรถยนต์และผู้บริโภค

ปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้าจีนที่ส่งออกไปยังตลาดยุโรปส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ของโรงงานบริษัทร่วมทุน หรือบริษัทข้ามชาติในจีน การสอบสวนต่อต้านเงินอุดหนุนที่ดำเนินการโดยคณะกรรมการสหภาพยุโรปนั้นไม่เพียงแต่ทำให้ผู้บริโภคชาวยุโรปไม่มีโอกาสเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกกว่าและดีกว่าเท่านั้น แต่ยังจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาในอนาคตของบริษัทข้ามชาติเหล่านี้ด้วย

นักการเมืองสหรัฐฯ มักนำคำกล่าวอ้างที่ไร้เหตุผลมาพิสูจน์ว่า จำเป็นจะต้องใช้นโยบายกีดกันทางการค้า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นางจีน่า ไรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กล่าวอ้างว่า ลองจินตนาการถึงภาพที่มีรถยนต์จีน 3 ล้านคันวิ่งอยู่บนท้องถนนในอเมริกา แล้วปักกิ่งจะสามารถบังคับให้รถยนต์เหล่านี้หยุดวิ่งได้ในเวลาเดียวกัน

ตามแนวคิดอันไร้เหตุผลดังกล่าว ประเทศอื่นจะต้องกังวลเรื่องสหรัฐฯปิดการใช้งานผลิตภัณฑ์ของสหรัฐฯ เช่น ไอโฟน หรือรถยนต์เทสลาโดยพลการหรือไม่ ประเทศอื่น ๆ จะต้องใช้นโยบายกีดกันทางการค้า พร้อมทั้งจำกัดการแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยีเช่นเดียวกับสหรัฐฯหรือไม่ และการะทำเช่นนี้จะเป็นภัยอันตรายต่อผลิตภัณฑ์และการค้าเทคโนโลยีดิจิทัลทั่วโลกหรือไม่

สรุปได้ว่า นโยบายกีดกันทางการค้าที่แอบอ้างมาในนามข้อกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติเป็นภัยอันตรายต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของทั่วโลก ลัทธิเอกภาคีและลัทธิกีดกันทางการค้าไม่ได้เป็นผลดีต่อความเจริญรุ่งเรืองของโลก ความก้าวหน้าจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการเปิดกว้างและความร่วมมือกันเท่านั้น

เขียนโดย ไช่ เจี้ยนซิน ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน(CMG)